…วันเวลาเคลื่อนเข้าสู่ “2 เดือนสุดท้ายของปี” ท่ามกลาง “ลมหนาว” ที่เริ่มโชย ขณะที่หลายพื้นที่ “ภาคเหนือตอนล่างและภาคกลาง” ยังเผชิญ “น้ำท่วม” หนักหน่วง อย่างน่าเห็นใจประชาชน เพราะแช่น้ำกันมาเป็นเดือน สำหรับคนที่โฉบไปเยี่ยมอย่าง ท่านผู้นำ-พล.อ.ประยุทธ์ จันทรโอชา จะไอเดียกระฉูดแบบแฝงอารมณ์ขัน ว่าให้คิดทำอาชีพ “ประมง” ก็ดูครื้นเครงดีสำหรับคนที่ไม่ได้ร่วมชะตากรรม แต่กับ “คนที่เผชิญทุกข์ท่วมอยู่” คงร่วมสนุกด้วยได้ยากหน่อย
…อีกคนที่น่าเห็นใจมาก ผู้ว่าฯชลบุรี-ภัครธรณ์ เทียนไชย เผชิญวิกฤตชาวบ้านรวมตัวไล่ เห็นอาการบนเวทีชี้แจงชาวบ้านแล้ว ได้แต่ถอนหายใจด้วยความสงสาร งานนี้ความผิดพลาดอย่างยิ่งน่าจะอยู่ที่ “ทีมงานด้านการข่าว” ที่ไม่มีข้อมูลให้ “ผู้ว่าฯ” ได้รู้ว่า “อารมณ์โกรธของประชาชน” นั้น “มีที่มาที่ไปอย่างไร” จึงแทนที่จะชี้แจงด้วย “ความเห็นอกเห็นใจประชาชน” ที่เดือดเนื้อร้อนใจจากการบริหารจัดการที่ผิดพลาดของ “หน่วยราชการ” เนื้อหาการทำความเข้าใจกลับกลายเป็น “ปกป้องตัวเอง” ไปเสียหมด เรื่องที่คิดว่าจะทำความเข้าใจเลยกลายเป็น “ยิ่งพูดยิ่งไปกันใหญ่”
…ที่น่าเป็นห่วงคือ “ผู้บังคับบัญชาระดับประเทศ” ที่เรียงหน้ากันออกมาพูดนั่นพูดนี่ เห็นได้ชัดว่าเป็น “การชี้แนะจากข้อมูลที่ไม่ครบถ้วน” ทำให้ยิ่งพูดยิ่งต่อความยาวสาวความยืด จุดอารมณ์ “ประชาชนที่น้อยเนื้อต่ำใจ” ให้ไปกันใหญ่ ยิ่งบอกว่า “ที่อื่นก็มีปัญหาเหมือนกัน” นั้น เสี่ยงการทำให้ “ความไม่พอใจลามออกไป” ซึ่งไม่เป็นผลดีต่อใครทั้งสิ้น
…จะว่าไป “ปีหน้า” ที่จะมาถึงในอีก 2 เดือนข้างหน้า เป็นห้วงเวลาที่มีความหวังมากกว่าในทุกด้าน อย่างน้อย “การเมือง” ที่ชัดเจนว่าจะเลือกตั้งกันในเดือน “พฤศจิกายน 2561” แม้จะอีกเป็นปี แต่อารมณ์ “นักลงทุน” ย่อมแจ่มใสกว่า “คลุมเครือ” ไม่รู้เมื่อไร บรรยากาศที่จะต้องเปิดให้ “นักการเมือง” แสดงบทบาทได้มากขึ้น ย่อมทำให้ “อำนาจรัฐ” ไม่ต้องไปเผชิญกับ “ประชาชน” โดยตรง เพราะอย่างน้อยมีตัวแทนที่จะรับเป็น “ตัวกลางรับอารมณ์” ได้มากกว่า
…การเมืองที่ “เห็นความหวัง” ย่อมส่งผลให้ “เศรษฐกิจ” มีแนวโน้มที่ดีขึ้น เห็นได้ชัดว่า “หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการประเมินภาวะเศรษฐกิจ” ปรับตัวเลขการเติบโตกันยกใหญ่ “ไปในทางที่สดใส” มากขึ้น แต่อย่างว่า “คำถามถึงความเหลื่อมล้ำ” น่าจะดังขึ้นเรื่อยๆ ด้วยที่ผ่านมามีหลายเรื่องราวที่สร้างปัจจัยที่ดีกว่าให้ “ทุนใหญ่” ซึ่งผลในภาพรวมเรื่อง “ปฏิรูปเศรษฐกิจประเทศ” จะเป็นอย่างไร อีกไม่นานคงเห็นได้ชัดขึ้น
…สำหรับใครที่ห่วงว่า ยังไม่เห็น “ปฏิรูปอะไรที่ชัดเจน” กลัวทุกสิ่งอย่างจะกลับไปเหมือน “ก่อนยึดอำนาจ” เพียงแต่เปลี่ยนตัวละครที่เข้ามาจับจองแหล่งผลประโยชน์ สำหรับประชาชนทั่วไป ไม่มีอะไรที่แตกต่าง คงได้แต่บอกว่า “อย่าได้เป็นห่วง” เพราะ “3 ปีเข้า 4 ปี” ถ้าไม่รู้สึกว่า “มีอะไรเปลี่ยนแปลง” จะไปหวังว่า “ปีสุดท้าย” จะเห็นนั่นเห็นนี่ ดูจะเป็น “ฝันกลางวัน” ที่ได้แค่อาศัยปลอบประโลมใจใน “โลกความเป็นจริงที่ต้องการหลีกเร้น”
…เดินหน้า “อีอีซี” แบบขจัดอุปสรรคทุกอย่างของ “การลงทุน” ที่ “รัฐบาลจากการเลือกตั้ง” ทำให้ยาก เพราะต้องเคลียร์ความเข้าใจกับคนในพื้นที่ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่ายๆ แต่ “ยุคนี้” ออกกฎหมายให้กำหนดผังเมืองใหม่ทีเดียว 3 จังหวัดยังทำได้ จึงชวนติดตามยิ่งว่า “จะดึงดูดนักลงทุนให้มาช่วยสร้างเศรษฐกิจใหม่ให้ตามที่หวังไว้ได้แค่ไหน” ด้วยในที่สุดแล้ว “ทุกเรื่องราวของการลงทุน” อยู่ที่ “ความเชื่อมั่น”
ชโลทร