รบ.สั่งหน่วยงานรัฐ เดินเครื่องตีปี๊บผลงาน เข้ม! นับเป็นตัวประเมินผู้บริหารด้วย

วิษณุ มอบนโยบายประชาสัมพันธ์รัฐ ตีปี๊บสร้างความรับรู้ประชาชน

เมื่อเวลา 09.10 น. วันที่ 20 มกราคม ที่โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์ฯ เซ็นทรัลลาดพร้าว นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ ในฐานะประธานการประชาสัมพันธ์แห่งชาติ กล่าวเปิดสัมมนาและมอบนโยบายเรื่องการนำนโยบายและแผนการประชาสัมพันธ์แห่งชาติ ฉบับที่ 5 ไปสู่การปฏิบัติและแนวทางการดำเนินการประชาสัมพันธ์ของรัฐบาล เพื่อสร้างความรับรู้ สร้างความเข้าใจ ในการพัฒนาชาติแก่ประชาชน ตอนหนึ่งว่า ช่วงเวลานี้รัฐบาลได้สั่งการหลายอย่างออกมาใหม่คือการให้ความสำคัญแก่แผนการประชาสัมพันธ์ฯ โดยเฉพาะข้อสั่งการของนายกฯ เมื่อวันที่ 30 กันยายน ที่ผ่านมาว่า นับแต่นี้ไปจะให้มีการประเมินสมรรถนะของหน่วยงาน และผู้บริหารระดับสูงซี 10-11 ใหม่ทั้งหมด ไม่ประเมินแบบที่ผ่านมาคือให้นักเรียนออกข้อสอบเอง แต่สิ่งที่รัฐบาลต้องการคือทำอย่างไรให้ครูออกข้อสอบได้เอง ทั้งนี้แผนประชาสัมพันธ์ จะเป็นตัวชี้วัดอีกตัวที่ใช้ในประเมินข้าราชการ ซึ่งการประเมินจะเริ่มในวันที่ 1 เมษายน 2559 แต่ข้อมูลที่ผ่านมาจะมองย้อนหลังตั้งแต่ 1 ตุลาคม 2558และทราบผลการประเมินในวันที่ 1 ตุลาคม 2559 โดยวัดจาก 1.การปฏิบัติหน้าที่ตามอำนาจและกฎหมาย ตามมติคณะรัฐมนตรี(ครม.) 2.ประเมินตามระเบียบวาระ ข้อสั่งการเป็นพิเศษ 3.ใช้พื้นที่เป็นตัวกำหนด

นายวิษณุกล่าวอีกว่า เพื่อให้การสร้างความรับรู้ สร้างความเข้าใจให้แก่ประชาชนเกิดประสิทธิภาพ นายกฯจึงได้ตั้งโฆษกประจำกระทรวงต่างๆ  รวมถึงโฆษกประจำ ก.พ. ก.พ.ร. โดยโฆษกที่ตั้งใหม่ต้องทำงานบูรณาการกับเลขาธิการนายกฯ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ โฆษกรัฐบาล และโฆษกคสช.อย่างใกล้ชิด ขณะนี้แจ้งมา 15 หน่วย ขาดอีก 5 หน่วย นายกฯ บอกว่าขนาดสั่งการแล้วยังไม่ตื่นตัว อย่างไรก็ตามเชื่อว่าโฆษกแต่ละกระทรวงที่ตั้งขึ้นตามมติคณะรัฐมนตรี(ครม.) เมื่อวันที่ 19 มกราคมจะทำงานร่วมกับโฆษกรัฐบาลได้ดี ซึ่งโฆษกเหล่านี้ต้องใช้แผนการประชาสัมพันธ์ฉบับที่ 5 เข้ามาทำงาน ถ้าทำงานดีก็ได้รับผลดี เป็นการทำงานตามหน้าที่ปกติของโฆษก สิ่งเหล่านี้จะนำมาใช้ในการประเมินการทำงานของพวกท่านด้วย

นายวิษณุกล่าวอีกว่า สำหรับแผนการประชาสัมพันธ์ฯ มีหลักที่ต้องทำ 3 หลัก คือ 1.ต้องนำไปใช้กับทุกภาคส่วนในสังคมหรือประชารัฐ รณรงค์กับประชารัฐ คำนี้ศักดิ์สิทธิ์ มีมานาน ไม่ใช่สิ่งที่นายกฯ คิดค้นขึ้น 2.ต้องสร้างการรับรู้ข้อมูลข่าวสารอย่างทั่วถึง ด้วยความรู้ ความเข้าใจ 3.ต้องทำเพื่อประโยชน์ 3 อย่าง คือ 3.1. สร้างความเข้าใจและทัศนคติที่ดีต่อกันซึ่งควรจะเป็นเรื่องที่ดีตามความเหมาะสม 3.2.ต้องสร้างสังคมแห่งภูมิปัญญาและการเรียนรู้ ไม่ได้มอมเมาหรือล้างสมองเพราะข้อมูลบางเรื่องจำเป็นต่อการดำรงชีวิต 3.3.การสร้างภาพลักษณ์ที่ดีของประเทศให้แพร่ไปสู่สังคมโลก ซึ่งยามนี้มันยาก เพราะสถานการณ์ไทยไม่ปกติ ตนบอกทูตที่มาเยี่ยมเสมอให้เข้าใจในเรื่องดังกล่าวว่าทำอย่างไรให้รักษาสถานการณ์และฟื้นตัวกลับสภาวะปกติโดยเร็ว ขออย่าเพิ่งเรียกร้องเลือกตั้ง อะไรในวันนี้ เพราะภาวะประเทศยังไม่ปกติ จะเชื่อหรือไม่เชื่อไม่เป็นไร แต่ต้องสร้างความรับรู้ให้แก่ผู้มาเยี่ยมได้รับทราบ

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image