“นิพิฏฐ์” ชำแหละคำถาม 6 ข้อ ซัด “บิ๊กตู่” สอบตกไม่เข้าใจปชต. ย้อน “นายกฯ”ถามทำไม-ต้องการความสงบแบบเรือนจำหรือความวุ่นวายในตลาดสด ถึงเอารัฐบาลลต.มาเปรียบเทียบ รัฐบาลรปห.
เมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ตั้งคำถาม 6 ข้อ ให้ประชาชนตอบ ว่า ตนขอตอบเป็นข้อๆ คือ 1.จำเป็นต้องมีพรรคการเมืองใหม่ๆขึ้นมาหรือไม่ ในวันนี้ หรือนักการเมืองหน้าใหม่ๆที่มีคุณภาพเพื่อให้ประชาชนได้พิจารณาในการเลือกตั้งต่อไป ตนเห็นว่า เป็นไปโดยธรรมชาติของพรรคการเมือง ที่จะต้องมีคนใหม่ๆเข้ามา เราไม่สามารถกำหนดได้ว่า คนนั้นต้องเป็นหรือไม่เป็นนักการเมือง เพราะประชาชนจะเป็นผู้กำหนดเอง และพรรคการเมืองใหม่ก็เกิดขึ้นทุกครั้งเวลาที่มีการเลือกตั้งทั่วไป 2. ที่ระบุว่า การที่คสช. จะสนับสนุนพรรคการเมืองใด หรือตนเองจะสนับสนุนใครเป็นสิทธิ์ของตนหรือไม่นั้น เห็นว่า การประกาศสนับสนุนใครก็ตาม อยู่ที่ความเหมาะสม แต่การประกาศว่าสนับสนุนใคร ตนถือว่าไม่เหมาะสม ควรให้ประชาชนเลือกเอง เพราะคสช.มีอำนาจอยู่ในมือมาก ถ้าคสช.สนับสนุนใครก็จะทำให้เกิดการได้เปรียบ หรือเสียเปรียบทางการเมืองได้ และข้าราชการก็ค่อนข้างที่จะทำตามคสช.อยู่แล้ว เพราะคสช.มีอำนาจมากกว่ารัฐบาลใหม่ที่จะเข้ามาอยู่แล้ว
นายนิพิฏฐ์ กล่าวว่า 3.สิ่งที่ คสช.และรัฐบาลนี้ดำเนินการในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ประชาชนมองเห็นอนาคตที่ดีของประเทศชาติบ้างหรือไม่ ข้อนี้มองเห็นอนาคตได้ เช่น การปฏิรูปในหลายๆเรื่อง ก็กำลังดำเนินไปตามแผนที่คสช.ได้กำหนดไว้ เช่น กฎหมายการปราบปรามการทุจริต ก็มีผลบังคับใช้ และส่วนอื่นๆที่ดีก็มี 4.การเอาแนวทางการจัดตั้งรัฐบาลโดยเอารัฐบาลในอดีตมาเปรียบเทียบเหมือนกันหรือไม่ ตนเห็นว่าเปรียบเทียบกันยาก เนื่องจากที่มาต่างกัน รัฐบาลที่มาจากการยึดอำนาจ กับ รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งจะเอามาเปรียบเทียบกันไม่ได้ เหมือนเราเปรียบเทียบว่า ปลาฉลามกับสิงโต อะไรดีกว่ากัน ก็คงเปรียบเทียบกันไม่ได้ หรือ นักมวยกับนักฟุตบอล สีแดงหรือสีเหลือง ก็คงเปรียบเทียบกันไม่ได้ จึงไม่อยากให้นายกฯมาเปรียบเทียบเช่นนี้ เพราะเวลานี้นายกฯไม่มีฝ่ายค้าน มีแต่อำนาจ 3 อำนาจ ทั้ง บริหาร ตุลาการ และนิติบัญญัติ อยู่ในมือ ก็มีความได้เปรียบสูง
นายนิพิฏฐ์ กล่าวต่อว่า รัฐบาลและการเมืองที่มาจากการเลือกตั้งแบบประชาธิปไตยที่ผ่านมาของไทย แสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพ มีธรรมาภิบาลและมีการพัฒนาประเทศที่มีความต่อเนื่องชัดเจนเพียงพอหรือไม่นั้น คิดว่าคนที่ตั้งคำถามคงสอบตก ถ้านายกฯเป็นคนตั้งคำถาม ตนให้คะแนนเป็นศูนย์ เพราะไม่เข้าใจประชาธิปไตย ไม่เห็นความแตกต่างระหว่างตัวบุคคลกับระบอบประชาธิปไตย อย่าเอาข้อยกเว้นของตัวบุคคลมาทำลายความเป็นประชาธิปไตย เพราะระบอบประชาธิปไตยเป็นระบอบที่เลวน้อยที่สุด ถ้าเห็นว่าระบอบประชาธิปไตยมีปัญหาก็คิดว่าจะเอาระบอบไหนมาแทนถึงจะดีกว่า สติปัญญาของตนไม่มีความสามารถที่จะคิดเอาระบอบไหน มาแทนประชาธิปไตยได้ เพราะประชาธิปไตยดีที่สุด เพียงแต่ปัญหาอยู่ที่ตัวบุคคลเท่านั้น เหมือนคุณขับรถเบ๊นซ์แล้วขับไปชนสะพาน จะมาโทษว่ารถเบ๊นซ์ไม่ได้ ก็ไม่ได้ เพราะเกิดจากการที่คุณเมายาจึงขับรถไปชนสะพาน และ 6.ที่ให้พิจารณาว่าเหตุใดนักการเมืองจึงออกมาเคลื่อนไหวบิดเบือนข้อเท็จจริงในการทำงานของรัฐบาล คสช. ในช่วงนี้มากผิดปกตินั้น ตนอยากบอกว่าการแสดงความคิดเห็นเป็นของประชาชนที่มีสิทธิ์ที่จะถามเรื่องต่างๆได้
“การถามคำถามอย่างนี้ตนก็ให้ศูนย์คะแนน ซึ่งต้องกลับไปถามนายกฯ ว่าต้องการความสงบเรียบร้อยแบบในเรือนจำ หรือ ต้องการความวุ่นวายแบบในตลาดสด นายกฯชอบแบบในเรือนจำหรือ จึงสั่งให้นั่ง ยืน นายกฯเกลียดความวุ่นวายในตลาดสดหรือไม่ เพราะประชาธิปไตยมีความวุ่นวายเหมือนในตลาดสด ซึ่งอาจจะมีการตีหัวหมา ด่าแม่เจ๊ก แต่นี่คือ ประชาธิปไตย ทั้ง 6 ข้อที่ถามมานี้ ผมอยากไปตอบให้นายกฯฟังในที่สาธารณะว่า นายกฯสอบตกที่ถามคำถามเหล่านี้มาก แสดงถึงความไม่เข้าใจประชาธิปไตย คำถามเหล่านี้ไม่ควรถาม เหมือนไปเปรียบเทียบรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง กับ รัฐบาลที่มาจากรัฐประหาร อะไรดีกว่ากัน ซึ่งเหมือนกับถามว่า ผู้หญิง กับ ผู้ชาย อะไรดีกว่ากัน ถามอย่างนี้ไม่ตีกันตายหรือ แล้วนายกฯจะถามทำไม” นายนิพิฏฐ์ กล่าว
