“ณัฐวุฒิ” ชี้ ข้อเสนอคสช.ชัดจ้องสืบทอดอำนาจ ส่อมีนายกฯคนนอก บอกจะเป็นธรรมกับปชช.มาก ถ้าคสช.บอกมาเลยว่าจะอยู่กี่ปี
เมื่อวันที่ 16 มีนาคม นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เลขาธิการนปช. กล่าวว่า จากข้อเสนอของคสช.และท่าทีของนายกฯ ทำให้ประเด็นเรื่องต้องการสืบทอดอำนาจชัดเจน สิ้นสงสัย ทั้งนี้ การมีส.ว.ลากตั้ง 250 คนเท่ากับคนกลุ่มนี้คือพรรคใหญ่ที่สุด รวมกับส.ส.อีกเพียง 126 คนก็จะเป็นเสียงข้างมากในรัฐสภา ส่วนกรณีที่มีผบ.เหล่าทัพโดยตำแหน่งนั้น ต้องไม่ลืมว่ายังมีไพ่อีกใบซ่อนอยู่คือคสช.เป็นส.ว.ได้ด้วย ดังนั้น อย่าว่าแต่เปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจเลย ที่ผ่านมาแค่แม่ทัพนายกองพากันไปออกทีวีกดดันนายกฯ รัฐบาลเลือกตั้งก็ไปไม่เป็นแล้ว ส่วนการเลือกตั้งแบบเขตใหญ่ 3 คนแต่เลือกได้คนเดียวนั้น คือการแตกแบงค์ย่อยไม่ให้มีพรรคใหญ่ได้เสียงข้างมาก เมื่อมองรวมกับการไม่ให้พรรคการเมืองเสนอชื่อว่าที่นายกฯ 3 คนก็เห็นว่ามีโอกาสสูงมากที่จะมีนายกฯ คนนอกจากกลุ่มผู้มีอำนาจ
นายณัฐวุฒิ กล่าวอีกว่า มีภาพสะท้อนจากสถานการณ์นี้ 2 ประการคือ 1.คสช.มั่นใจในอำนาจว่าสามารถจับมือกรธ.ให้ร่างรัฐธรรมนูญตามต้องการได้ และมั่นใจด้วยว่าเอาอยู่ทั้งการเคลื่อนไหวของกลุ่มที่เห็นต่างและผลคะแนนประชามติ แม้กระทั่งความไม่พอใจของฝ่ายอนุรักษ์นิยมเดิมที่อาจมองว่าคสช.กำลังรุกเข้ามากุมอำนาจเบ็ดเสร็จหลังการเลือกตั้งก็ไม่เป็นที่กังวล และ2.ไม่ต้องการเดินไปสู่การลงประชามติ จึงละเลยเนื้อหาให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากทุกฝ่ายเพื่อหาเหตุคว่ำร่างรัฐธรรมนูญแล้วร่างใหม่ เช่น อ้างความวุ่นวาย หรือแม้แต่การลาออกของนายมีชัยกับคณะ ทั้งนี้ ถึงจะยืนยันว่าไม่ถอดใจ แต่เมื่อเห็นชัดว่าจะถูกบูชายัญแบบนายบวรศักดิ์ไปอีกคน ก็ไม่แน่ว่าสุดท้ายนายมีชัยจะตัดสินใจอย่างไร แต่เชื่อว่าคนร่างข้อเสนอของคสช.ฉบับนี้ถูกเตรียมไว้เป็นคนร่างรัฐธรรมนูญฉบับต่อไป
“จะเป็นธรรมกับประชาชนมากกว่าถ้าคสช.ประกาศตรงๆ เลยว่าอยากอยู่ต่ออีกกี่ปี แล้วทำประชามติกันในประเด็นนี้ ไม่ต้องเสียเวลาเถียงกันในเรื่องที่ผู้มีอำนาจถือคำตอบสุดท้ายไว้ตั้งแต่ต้น ที่ผ่านมาประชาชนถูกปลุกให้กลัวคำว่าเผด็จการรัฐสภาซึ่งขาดความชัดเจนเรื่องความหมาย แต่ถ้ารัฐธรรมนูญแบบคสช.บังคับใช้จะเกิดสิ่งที่น่ากังวลกว่าคือ รัฐสภาขุนศึก ซึ่งจะนำประเทศไทยเข้าสู่ยุค 3 ก๊กคือ อนุรักษ์นิยม ขุนศึกอำนาจนิยม และเสรีนิยม ซึ่งจะเป็นความเสียหายครั้งใหญ่และใช้เวลาอีกนานกว่าจะกลับคืนสู่วิถีทางประชาธิปไตย” นายณัฐวุฒิ กล่าว
