ไม่ว่าการปรับครม.เมื่อเดือนสิงหาคม 2558 ไม่ว่าการปรับครม.ใน เดือนพฤศจิกายน 2560
เป้าหมายการปรับเป็นเช่นเดิม
เพียงแต่การปรับเมื่อเดือนสิงหาคม 2558 เป็นการเอาคณะของ ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล ออกไป แล้วเอาคณะของ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ เข้ามาแทนที่
การปรับในเดือนพฤศจิกายน 2560 คณะของ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ยังอยู่
กระทรวงที่เป็นเป้าหมาย”ใหญ่”เป็น “เกษตร”
การปรับภายในกระทรวงเกษตรและสหกรณ์อย่างชนิดยกชุดจึงมีความสำคัญ
สำคัญถึงกับต้องให้ความสนใจเป็นพิเศษ
หากศึกษา “เส้นทาง” การเมืองของ พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ ก็จะเห็นว่าดำเนินไปอย่างไม่ธรรมดา
เริ่มต้นจากรับผิดชอบงาน”เศรษฐกิจ”ของ”คสช.”
จากนั้นเข้าดำรงตำแหน่งเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ โดยเป็น”นขต.”กับ “นายกรัฐมนตรี”
ไม่จำเป็นต้องรายงานผ่าน”รองนายกรัฐมนตรี”
เมื่อมีการปรับครม.ในเดือนสิงหาคม 2558 ได้รับการยกระดับเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
โดยไม่อยู่ในการกำกับของ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์
การปรับครม.เดือนพฤศจิกายน 2560 มีข่าวลือมากมาย เกี่ยวกับ พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ แต่ที่สุดไม่ถึงกับหลุดพ้นไป จากวงจร
เพราะยังอยู่ในตำแหน่ง “รองนายกรัฐมนตรี”
สิ่งที่ควรจับตาต่อไปก็คือ ในฐานะรองนายกรัฐมนตรี พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ จะได้รับมอบหมายจากนายกรัฐมนตรีอย่างไร
หากยังกำกับงาน “เกษตร” อยู่
นั่นเท่ากับ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ยังแตะไปไม่ถึงกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ สะท้อน”สถานะ” พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ
เท่ากับบทสรุปของ ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล เมื่อเดือนสิงหา คม 2558 ยังดำรงคงอยู่ไม่แปรเปลี่ยน
“แบ่งแยก” แล้ว “ปกครอง”
