…เริ่มเดือนสุดท้ายของปี 2560 “ธันวาคม” ดูเหมือนจะเป็นเดือนแห่งการท่องเที่ยว สถานการณ์ “อุทกภัยชายแดนใต้” ยังอ่วมอรทัย ขณะนักท่องเที่ยวขึ้นเหนือ เที่ยว “ดอยอินทนนท์” ดู “น้ำค้างเป็นน้ำแข็ง” ในอากาศหนาวเหน็บ ขณะหลายคน “ล่องอีสาน” ซึ่งอากาศบนภูทั้งหลาย ชวนให้หนีร้อนไปเยือน
…เรื่องปวดเศียรเวียนเกล้าที่สุดของ “นักการเมืองจากการเลือกตั้งของประชาชน” ขณะนี้คือ “พรรคทำกิจกรรมตามที่รัฐธรรมนูญกำหนดเงื่อนเวลาไม่ได้” เพราะ “คสช.” ยังไม่มีคำสั่ง “ปลดล็อก” สารพัดความจำเป็นที่ต้องทำให้เสร็จภายใน 90 วันหลังประกาศใช้รัฐธรรมนูญ ถึงวันนี้ล่วงเลยมาครึ่งทาง ยังขยับอะไรไม่ได้ แถม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ยังรำพึงรำพันทำนอง “ไม่มั่นใจในความสงบ” เลยดูท่าจะไปกันใหญ่
…เลือกตั้งที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ลั่นวาจาไว้ว่าจะเกิดขึ้นในเดือน “พฤศจิกายนปีหน้า” ดูท่าทีพร้อมมากกว่าคือ “นักการเมืองที่ไม่ต้องลงเลือกตั้ง” รอการแต่งตั้งเข้ามา ไม่ว่าจะเป็นในนามของ “คณะกรรมการสารพัด” และ “สมาชิก” วุฒิสภา ส่วน “นักการเมืองจากการเลือกตั้ง” ทั้งที่ “วาสนาในอำนาจถูกบั่นทอนไปเยอะ” ยังต้องโกลาหลในการเตรียมตัวที่ต้องแข่งกับเวลาอย่างเคร่งเครียด ช่างเป็นยุคสมัยที่ “ผู้มาจากประชาชน” ถูกกดดันทุกวิถีทาง
…เพราะ “ครม.สัญจรปักษ์ใต้” วันก่อน แทนจะเป็นการเยือนพื้นที่ที่อบอุ่นที่สุด ด้วยเป็นการเยือนถิ่น “กปปส.” ซึ่งปฏิบัติการ “โละทิ้งรัฐบาลจากการเลือกตั้ง” เปิดทาง “แช่แข็งประชาธิปไตยไทย” เหมือนไปเยือน “ถิ่นตัวเอง” ซึ่งก็น่าจะเป็นอย่างนั้น เพราะ “ส.ส.” อยู่ในความสงบเสงี่ยม พร้อมสนับสนุนทุกเรื่องราว เพียงแต่อาจจะเป็นเพราะ “ไม่ได้เตรียมใจไว้” เพื่อเจอท่าทีประชาชนชาวใต้ ที่ “ชินกับการไฮด์ปาร์ก” มาเสนอปัญหาขอความช่วยเหลือ “พล.อ.ประยุทธ์” จึงออกอาการหลุดไปสักหน่อย กระทั่งเจอกับธรรมชาติของคนแถวนั้นที่ “ใครแรงก็แรงตอบ” เลยวิเคราะห์กันให้ขรมว่า “ขาลงเสียแล้วรัฐบาลนี้”
…ที่ประเมินเช่นนั้น ด้วยเห็นว่า “ประชาชนฝ่ายที่สนับสนุน” ออกมาโวยวายกันให้ขรม ถึง “การไม่ให้เกียรติกัน” สถานการณ์ออกไปในด้าน “รัฐบาลนี้พวกน้อยลง” อีกทั้งมีความเคลื่อนไหวของ “พรรคใหญ่ 2 พรรค” จะจับมือกันต้าน ท่ามกลางความคิดว่า “ทำอะไรก็ได้ อย่าให้คนที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้งมาเป็นนายกรัฐมนตรี” เลยมีผลสรุปว่า “ขาลง” โดยเฉพาะ “ฝ่ายที่ไม่เอาด้วยแต่ต้นโหมกระพือกันใหญ่ทำนองว่าไม่น่าจะรอด”
…ดูเหมือนนั่นจะเป็นเพียง “ความเห็นไปตามความอยากให้เป็นของคนกลุ่มหนึ่งเท่านั้น” สถานการณ์ในภาพรวมยังไม่มีอะไรส่อเค้าว่า “นักการเมืองจากการเลือกตั้งของประชาชน” จะมีเครดิตมากกว่า “กลุ่มคนที่ถูกสถาปนาว่าเป็นคนดี” ข้อมูลจาก “ศูนย์ดำรงธรรม” ที่ได้จากการตอบคำถามของประชาชน ส่วนใหญ่ยังเชื่อมั่นในความเป็นผู้นำของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ขณะที่ศรัทธาใน “นักการเมืองจากการเลือกตั้ง” ดิ่งเหวจนไม่รู้ว่าจะกู้คืนได้หรือไม่ จึงไม่มีเหตุผลที่ “ผู้มีอำนาจต้องกังวล” เพราะกระทั่ง “ไม่ปลดล็อกพรรคการเมืองทั้งที่มีความจำเป็น” ยังไม่มีใครทำอะไรที่เป็นแรงกดดันให้ต้องให้ความสนใจ
…ที่สำคัญคือ “พรรคการเมือง” ไม่ว่าจะเป็น “พรรคใหญ่ พรรคกลาง พรรคเล็ก” ไม่ว่าจะเป็น “พรรคที่ตั้งขึ้นมาใหม่” คือ “พรรคเก่าแก่” หลังจากอ่าน “สถานการณ์อำนาจ” แล้ว ส่วนใหญ่กำหนดยุทธศาสตร์ “ขอให้ได้มีส่วนร่วมในอำนาจ” เป็นหลักด้วยกันทั้งนั้น “ประชาธิปไตย” ไม่มีความหมายสำหรับ “พรรคการเมือง” ที่มุ่งไปที่ “การมีอำนาจ” สารพัดเหตุผลที่ใช้ชี้แจง ประชาชนฟังแล้วคิดอย่างไร ไม่ใช่เรื่องสำคัญเท่าทำให้ “ผู้มีอำนาจคิดแบบไหน”
ชโลทร