นางสดศรี สัตยธรรม อดีตคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กล่าวถึงกรณีข้อวิพากษ์วิจารณ์ผู้สมัคร กกต.ที่ได้รับเลือกจากที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกา อาจขัดมาตรา 12 วรรคสาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วย กกต.ที่กำหนดให้ลงคะแนนเลือกโดยเปิดเผย แต่กลับเป็นการลงคะแนนลับว่า ทางศาลได้วินิจฉัยกันแล้วว่าสามารถดำเนินการได้ และน่าจะแยกกันระหว่างการคัดเลือก กกต. 5 คน จากคณะกรรมการ กับการสรรหา กกต. 2 คนสายศาล เพราะใน พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วย กกต. มาตรา 12 วรรค 2 นั้น ใช้คำว่าโดยอนุโลม หมายถึงจะใช้แบบเปิดเผยก็ได้ ใช้แบบไม่เปิดเผยก็ได้ จึงใช้คำว่าอนุโลม ซึ่งดังนั้นตนเชื่อว่าไม่ผิด และศาลท่านตีความกฎหมายละเอียดรอบคอบอยู่แล้ว เพราะเป็นอาชีพของท่าน ทั้งนี้ขอยกตัวอย่างสมัยตนก็โหวตลับ ถ้าโหวตเปิดเผยจะมีปัญหาที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกา เพราะส่วนใหญ่รุ่นเดียวกัน ถ้าเปิดเผยจะรู้ว่าใครเลือกใคร ถ้าเป็นโหวตลับจะไม่รู้ว่าใครลงใคร ก็จะตัดปัญหาดังกล่าวได้
“ท่านที่ดูตัวบทกฎหมายก็ไม่ได้บังคับว่าการเลือก กกต.สายศาลจะต้องเปิดเผย แจ้งเหตุผล และเท่าที่พิจารณาตัวบทกฎหมายอย่างละเอียดและรอบคอบ คิดว่าศาลท่านคงไม่พลาด เพราะท่านอยู่กับกฎหมายทุกวันก็น่าจะชัดเจนอยู่แล้ว แต่ให้ดีที่สุด ควรจะไปถามท่านประธานศาลฎีกาว่าที่ดำเนินการแบบนี้ผิดกฎหมายหรือไม่ อย่างไร “ นางสดศรีกล่าว และว่า แต่ตนเชื่อมั่นว่าศาลฎีกาพิจารณาอย่างดีแล้ว ก็ไม่มีใครคัดค้านอะไร จะมีเพียง กกต.บางท่านที่ระบุว่าผิดเท่านั้น
เมื่อถามว่า ทำไมนายสมชัย ศรีสุทธิยากร กกต. จึงระบุว่าการคัดเลือก กกต. 2 ท่านสายศาล จึงผิดกฎหมาย อดีต กกต. สดศรีกล่าวว่า “คิดว่าเป็นธรรมชาติของท่าน เพราะระยะเวลาทำงานของท่านเหลือน้อย ก็คงแสดงความคิดเห็นท้วงติงคัดค้านตามหน้าที่และงานประจำของท่าน“
นางสดศรีกล่าวต่อว่า สำหรับกฎหมายเลือกตั้งไม่ได้เป็นกฎหมายที่พิเศษกว่ากฎหมายอื่นๆ ซึ่งศาลฎีกาก็เคยพิจารณาคดีเลือกตั้งมาอยู่แล้ว สมัยก่อนเคยพิจารณา 400 กว่าเรื่อง ภายใน15 วันก็ทำเสร็จ ดังนั้นเชื่อว่า กตต.สายศาล 2 คนที่ได้รับเลือกมาก็คงจะทำงานได้ เพราะบุคคลที่มาจากศาลก็มีเครดิต และทำงานด้วยความรอบคอบ ซี่งท่านใช้ตัวบทกฎหมายทุกวันอยู่แล้ว
