กห.แถลงบิ๊กป้อมเยือนอินเดีย-ปลุกทีมไทยแลนด์ลุยการค้า

เมื่อวันที่ 20 มีนาคม พล.ต.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษก กห. เปิดเผยถึงการเดินทางเยือนสาธารณรัฐอินเดียอย่างเป็นทางการ ของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พร้อมคณะ ตามคำเชิญของ กระทรวงกลาโหมอินเดีย ระหว่างวันที่ 17-18 มีนาคม ว่า พล.อ.ประวิตรได้มอบนโยบายแก่ทีมไทยแลนด์ ณ โรงแรมที่พัก โดยสรุปว่า รัฐบาลปัจจุบันมีความพยายามอย่างมุ่งมั่น ในการวางรากฐานและสร้างความเข้มแข็งภายในประเทศ สู่ความมั่นคงและมั่งคั่งควบคู่กันไป ด้วยการกำหนดยุทธศาสตร์ประเทศ 20 ปีและขับเคลื่อนปฏิรูปประเทศตามแผน โดยให้ความสำคัญกับแผนระยะ 5 ปีแรก ขณะเดียวกันความร่วมมือระหว่างประเทศที่เชื่อมโยงกันมีความจำเป็นยิ่ง โดยเฉพาะอินเดีย ซึ่งเป็นประเทศใหญ่ที่มีศักยภาพและกำลังพัฒนาอย่างก้าวกระโดด การเชื่อมโยงให้ไทย เป็นประตูสู่อาเซียน ( Gate Way of ASEAN ) มีความสำคัญมาก … จึงขอให้ร่วมกันทำหน้าที่เพิ่มเติมในการเป็นผู้แทนทางการค้า ด้วยการพิจารณาศักยภาพและโอกาสของทั้งสองประเทศ สร้างความร่วมมือขยายสู่การค้า การลงทุนระหว่างกัน เพื่อนำรายได้เข้าสู่ประเทศ ขณะเดียวกัน ก็ขอให้ร่วมกันสร้างความเข้าใจและเชื่อมั่นกับประชาชนอินเดีย ถึงสถานการณ์และพัฒนาการทางการเมืองของประเทศไทย ที่กำลังเดินหน้าสู่ Road Map การเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตยในปี 60

พล.ต.คงชีพกล่าวว่า  สำหรับการหารือระหว่าง นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ กับนาง Rita Teaotia ปลัดกระทรวงฝ่ายพาณิชย์ เเละนาย Ravi Capoor อธิบดี (ดูเเลอาเซียน) กระทรวงพาณิชย์เเละอุตสาหกรรมอินเดีย ณ กระทรวงพาณิชย์เเละอุตสาหกรรมอินเดีย กรุงนิวเดลี สรุปได้ว่า นายสุวิทย์ได้แจ้งแก่ฝ่ายอินเดียว่า ไทยต้องการส่งเสริมความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างไทยกับอินเดียให้เพิ่มมากยิ่งขึ้น ทั้งในด้านการค้า การลงทุน เเละการท่องเที่ยว

– นโยบาย Look West ของไทยเเละนโยบาย Act East ของอินเดียสอดรับกันอย่างดี ทั้งสองประเทศควรจะเร่งส่งเสริมความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจอย่างเป็นรูปธรรมระหว่างกันให้มากยิ่งขึ้น

Advertisement

– ปัจจุบัน รัฐบาลไทยมีนโยบาย Outward Investment ส่งเสริมให้เอกชนไทยออกไปลงทุนในต่างประเทศ โดยเฉพาะในประเทศอินเดียซึ่งนายกรัฐมนตรีนเรนทรา โมดีได้ประกาศนโยบาย Make in India เพื่อส่งเสริมการลงทุนในประเทศอินเดีย ในขณะเดียวกัน อินเดียก็สามารถใช้ไทยเป็น Gateway เข้าสู่ AEC และประเทศ CLMV ได้ด้วย โดยรัฐบาลไทยกำลังดำเนินโครงการจัดตั้งเขตพัฒนาเศรษฐกิจชายแดนใน 10 จังหวัดที่มีชายแดนติดกับประเทศเพื่อนบ้าน และเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษสำหรับ Super Cluster ในพื้นที่ชั้นใน

– ไทยต้องการให้ทั้งสองฝ่ายเร่งบรรลุการเจรจาความตกลงเขตการค้าเสรีไทย-อินเดีย (TI FTA) ซึ่งเจรจากันมายาวนานกว่า 10 ปีแล้วโดยเร็ว เพื่อให้พร้อมลงนามสำหรับการเดินทางเยือนอินเดียของ นรม. ในเร็ววันนี้ โดยขอให้ทั้งสองฝ่ายยอมรับประเด็นที่ตกลงกันได้แล้ว ส่วนประเด็นคงค้างขอให้เร่งนำไปเจรจากันต่อไป

พล.ต.คงชีพกล่าวอีกว่า ฝ่ายอินเดียเห็นพ้องด้วยว่า ทั้งสองฝ่ายควรเร่งสรุปการเจรจาโดยเร็ว และแจ้งว่า จากการเจรจาครั้งล่าสุดที่ประเทศไทยเมื่อปีที่เเล้ว ยังมีประเด็นหลักด้านการค้าบริการและด้านการลงทุนที่ยังค้างอยู่ ซึ่งเป็นข้อห่วงกังวลของฝ่ายไทย อย่างไรก็ตาม ได้มีการประชุมคณะทำงานด้านการค้าบริการผ่านระบบ Video Conference ไปเมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน 2558 ที่ผ่านมา ส่วนคณะทำงานด้านการลงทุนก็ได้มีการประชุมผ่านระบบ Video Conference ไปเมื่อวันที่ 4 ธันวาคม 2558 ที่ผ่านมาแล้วเช่นกัน โดยประเด็นที่ฝ่ายไทยมีความกังวลคือ (1) การเปิดเสรีด้านบริการวิชาชีพ (professional services) เเละ (2) การปรับเปลี่ยนข้อบท

ด้านการลงทุนของฝ่ายอินเดีย (investment chapter) ซึ่งฝ่ายอินเดียย้ำว่า การไหลทะลักของแรงงานวิชาชีพจากอินเดียไปไทยอย่างที่ไทยกังวลนั้น จะไม่เกิดขึ้นเนื่องจากทักษะการบริการของไทยมีความเฉพาะตัวและมีคุณภาพดีมาก ซึ่งแรงงานจากอินเดียยังไม่สามารถมาแข่งขันได้ ส่วนเรื่องข้อบทด้านการลงทุน ฝ่ายอินเดียจำเป็นต้องปรับแก้ไข เนื่องจากปัจจุบันอินเดียไม่ได้ใช้ฉบับเก่าแล้วฯ

– ฝ่ายอินเดียรับจะจัดการประชุมทางไกล (Video Conference) กับคณะทำงานฝ่ายไทยทั้งสองคณะภายใน 2 สัปดาห์นี้ เพื่อเจรจาในประเด็นที่ยังคงค้างอยู่ดังกล่าวข้างต้นอีกครั้ง และหลังจากการประชุมผ่านระบบ Video Conference แล้ว ฝ่ายอินเดียพร้อมจะเชิญคณะเจรจาฝ่ายไทยให้เดินทางมาประชุมหารืออย่างเข้มข้นอีกครั้งที่กรุงนิวเดลี ในช่วงต้นเดือนเมษายนนี้เพื่อให้บรรลุความตกลงและสามารถร่วมกันลงนามได้ทันการเดินทางเยือนอินเดียของนายกรัฐมนตรี

 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image