เมื่อวันที่ 31 ธันวาคม นายสามารถ แก้วมีชัย แกนนำพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงทิศทางทางการเมืองในปี 2561 ว่า สิ่งที่เกิดขึ้นในช่วงปลายปี 2560 ไม่ว่าจะเป็นการใช้อำนาจตามมาตรา 44 มาแก้ปมปัญหาพ.ร.ป.พรรคการเมือง รวมทั้งเรื่องอื่นๆตลอดจนการเขียนกฎกติกาในกฎหมายลูกที่ยังไม่แล้วเสร็จ และข้อกำหนดในรัฐธรรมนูญ ทำให้เกิดความกังวลว่าสถานการณ์การเมืองในปี 2561 ที่เป็นช่วงเวลาที่จะมีการเลือกตั้ง เพื่อนำไปสู่ประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ตามโรดแมปที่คณะรักษาความสงบและแห่งชาติ(คสช.)เกิดอุปสรรค ไม่ราบรื่นและมีอุปสรรคปัญหาเกิดขึ้นจากการเขียนกฎกติกา ที่ไม่ถูกต้องแต่เป็นการเขียนไปตามธงที่วางไว้โดยมีอคติ ไม่เป็นไปตามหลักนิติธรรม ส่งผลให้มีปัญหากับในทางปฏิบัติไม่เฉพาะกับฝ่ายตรงข้าม แต่ยังเกิดขึ้นกับฝ่ายของผู้ที่เขียนกฎกติกาเอง จนทำให้ต้องใช้อำนาจพิเศษเข้ามาแก้ไขในหลายเรื่อง ฉะนั้นปี 61 จะเป็นปีที่สับสนของการบังคับใช้กฎหมายทำให้การเดินหน้าไปสู่ประชาธิปไตยมีอุปสรรคเป็นอย่างมากและในที่สุดความคาดหมายที่จะเลือกตั้งตามกำหนดเวลาก็อาจจะเป็นไปไม่ได้
“ไม่กล้าฟันธงการเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในปี 2561 เรายังไม่มีความชัดเจนและเห็นว่ายังมีอะไรที่ผิดปกติอยู่เยอะโดยเฉพาะจากสิ่งที่กล่าวมาข้างต้นคือเรื่องกฎกติกาแม้จะมีแล้วธรรมนูญอยู่แต่ก็ยังมีความบกพร่องที่เกิดจากผู้ร่างกฎหมาย กฎหมายฝืนหลักธรรมชาติ ไม่รอบคอบ จนต้องแก้ไขซึ่งการแก้ไขโดยใช้อำนาจพิเศษ ไม่ผ่านขั้นตอนกระบวนการตามหลักการและขั้นตอนที่จะต้องถามศาลรัฐธรรมนูญรวมถึงองค์กรที่เกี่ยวข้องกับกฎหมายนั้นๆ ก็ยิ่งไม่ถูกต้อง”
นายสามารถ กล่าวว่า นอกจากนั้นเห็นว่าเรื่องเศรษฐกิจในภาพรวมยังเป็นปัญหาต่อเนื่อง ปัจจุบันคนรากหญ้าได้รับความเดือดร้อนขณะที่ธุรกิจขนาดกลางไปจนถึงระดับบน เริ่มมีปัญหาที่สำคัญผู้ที่มีกำลังซื้อหรือผู้มีรายได้ปานกลางก็จะเริ่มอ่อนแอสืบเนื่องจากปัญหา ความไม่ชัดเจนทางการเมืองและการเลือกตั้งทำให้นักลงทุนไม่มั่นใจในการวางแผนการลงทุนที่ชัดเจนเศรษฐกิจ ดังนั้นทั้วสองเรื่องนี้จะทำให้ปีหน้าการเมืองและเศรษฐกิจ ยังคงอึมครึม ไม่ชัดเจน หรือเห็นทางที่สดใสตามที่คาดหมาย
นายสามารถ กล่าวว่า สำหรับทิศทางการทำงานของพรรคเพื่อไทย หลังจากวันที่ 1 เมษายน ที่ต้องตรวจสอบเพื่อยืนยันสมาชิกพรรคภายในเวลา 30 วัน ก็ทำเท่าที่สามารถจะทำได้เพราะเรื่องนี้ถือว่ายังมีปัญหาที่ยุ่งยากสำหรับสมาชิกที่จะต้องมาแสดงตัวและนำหลักฐานยืนยันคุณสมบัติและการเป็นสมาชิกพรรคมาสมัครด้วยตัวเองต่างจากเดิมทำให้เกิดความยุ่งยากและปัญหามากขึ้น ส่วนเรื่องการประชุมใหญ่พรรคเพื่อรับทราบข้อมติและเลือกหัวหน้าพรรคนั้นตัวบุคคลเรามีไว้แล้วรอเพียงว่าจะให้ประชุมได้เมื่อไหร่ซึ่งประเด็นนี้ก็ยังมีช่องที่จะทำให้เกิดปัญหาได้เนื่องจากต้องขออนุญาตจากคสช. ที่บอกว่าเป็นปัญหาเพราะการจะอนุญาตไม่อนุญาตขึ้นอยู่กับคสช. อาจจะทำให้เกิดการเลือกปฏิบัติขึ้นมาได้และที่สำคัญไม่มีการระบุชัดเจนว่าจะปลดล็อคให้เมื่อใด เพื่อรับทราบข้อมติและเลือกหัวหน้าพรรคนั้นตัวบุคคลเรามีไว้แล้วรอเพียงว่าจะให้ประชุมได้เมื่อไหร่ ประเด็นนี้ก็ยังมีช่องที่จะทำให้เกิดปัญหาได้เนื่องจากต้องขออนุญาตจากคสช. ที่บอกว่าเป็นปัญหาเพราะการจะอนุญาตไม่อนุญาตขึ้นอยู่กับคสช. อาจจะทำให้เกิดการเลือกปฏิบัติขึ้นมาได้และที่สำคัญไม่มีการระบุชัดเจนว่าจะปลดล็อกให้เมื่อใดหรือจะปลดล็อกในช่วงเวลาที่ชิวเฉียดใกล้เลือกตั้งก็จะยิ่งทำให้พรรคการเมืองมีเวลาในการเตรียมตัวน้อยลง
