‘บิ๊กโด่ง’ยัน’ราชภักดิ์’ไร้ทุจริต โวยคำว่า”หักหัวคิว”เข้าใจคลาดเคลื่อน ย้ำไม่ใช่เป็นการบริจาคเพื่อลบล้างความผิด เผยคุย’บิ๊กต๊อก’ตามปกติ ไม่คุยเรื่อง’ราชภักดิ์’ เพราะโตกันแล้ว และไม่ขอฟ้องคนบิดเบือนข้อมูล
วันนี้ (24 มี.ค.)พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม เปิดเผยหลังจากการแถลงผลการตรวจสอบ โครงการก่อสร้างอุทยานราชภัคดิ์ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จากสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) และ สำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) เมื่อวันที่ 23 มี.ค. ว่า หลังจากที่ได้รัยการพิสูจน์โดยหน่วยงานที่เข้ามาตรวจสอบก็รู้สึกสบายใจขึ้น เพราะแต่หน่วยงานเป็นองค์กรที่น่าเชื่อถือไม่มีใครบังคับได้ พร้อมชี้แจงการที่ตนเองที่ใช้คำว่าหัวคิว เป็นความเข้าใจผิดที่คลาดเคลื่อนจากการให้สัมภาษณ์ พร้อมกับย้ำว่าไม่มีค่าหัวคิว ส่วนข้อสงสัยที่ต้องมีการนำเงินมาบริจาคเพื่อลบล้างความผิด ขอยืนยันว่าไม่เรื่องดังกล่าวเกิดหลังจากที่ตนเองเกษียณอายุราชการ เป็นการกระทำมานานตั้งแต่ปีงบประมาณที่ผ่านมาซึ่งสามารถตรวจสอบวันที่บริจาคได้ ไม่ใช่เป็นการบริจาคเพื่อลบล้างความผิด
ทั้งนี้พล.อ.อุดมเดช ยืนยันว่าจะดำเนินการต่อไป เพราะจุดประสงค์การสร้างอุทยานราชภักดิ์คือเป็นสถานที่ระลึกถึงสถาบันกษัตริย์ เป็นแหล่งเรียนรู้ทางประวัติศาสตร์ทั้งกับชาวไทยและต่างประเทศ ต้องการจัดทำห้องนิทรรศการแสดงถึงประวัติศาสตร์ชาติไทย การจัดทำลานประกอบพิธีเพื่อให้รัฐและเอกชนได้ใช้ประโยชน์ การจัดทำอาคารอเนกประสงค์ ซึ่งได้ประสานงานกับกองทัพบกเพื่อดำเนินการต่อหากการตรวจสอบได้ข้อยุติ เพื่อให้คนไทยได้มาระลึกถึงพระมหากษัตริย์ ซึ่งหลังการก่อสร้างจนถึงขณะนี้มีผู้เข้าชมอุทยานราชภักดิ์แล้ว มีจำนวนมากกว่า 3.8 ล้านคน
พร้อมกันนี้ กล่าวว่า อุทยานราชภักดิ์จะใช้เงินบริจาคในการดูแลเท่านั้น โดยไม่ได้ใช้เงินราชการ ส่วนจุดประสงค์การก่อตั้งมูลนิธิเพื่อไม่ให้มีการทำงานและการใช้เงินที่อิงกับราชการ ซึ่งยืนยันถึงการดำเนินโครงการที่สุจริตในทุกขั้นตอน และจะไม่ใช้เงินของราชการทั้งในปัจจุบันและอนาคตโดยจะใช้เงินบริจาคเพียงอย่างเดียว ทั้งนี้มีแผนเชิญผู้บัญชาการกองทัพบกทุกคนมาเป็นประธานมูลนิธิโดยตำแหน่ง แต่ก็ต้องชะลอไปเพราะมีเรื่องการตรวจสอบเข้ามา ซึ่งก็ยินดีที่จะให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เข้ามาตรวจสอบในปนะเด็นที่มีความสงสัยอยู่
ทั้งนี้ยืนยันว่า ส่วนตัวไม่มีปัญหากับพล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมซึ่งเมื่อไหร่ที่พบกันก็คุยกันตามปกติ แต่ไม่มีการพูดถึงเรื่องโครงการอุทยานราชภักดิ์เพราะถือว่าต่างฝ่ายต่างก็โตกันแล้วและมีความรับผิดชอบในหน้าที่บทบาทที่แตกต่างกัน
พร้อมขอบคุณนายกรัฐมนตรี และพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ที่ให้กำลังใจมาโดยตลอด และให้มีการตรวจสอบข้อเท็จจริงเพื่อพิสูจน์ว่าโครงการดังกล่าวไม่มีการทุจริต
อย่างไรก็ตามจะไม่มีการฟ้องร้องบุคคลที่บิดเบือนข้อมูลในเรื่องทุจริตหรือโจมตีในประเด็นนี้ และจะไม่มีการพูดย้อนหลัง แต่อยากให้ทุกคนได้มีความเข้าใจและมาร่วมกันสร้างสิ่งดีๆที่เป็นประโยชน์ เพื่อเป็นความภาคภูมิใจของคนไทยทั้งประเทศ
