ลงนาม – รัฐบาลญี่ปุ่นสนับสนุนเงินทุน 2,655,000 บาท แก่โครงการ “The Project for a School Building Construction at Baan Nongplakoon School, Srisaket Province” ผ่านความร่วมมือทางด้านเศรษฐกิจแบบให้เปล่าเพื่อพื้นฐานและความมั่นคงของมนุษย์ (จีจีพี) โดยมีพิธีลงนามข้อตกลง เมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ ระหว่าง ฯพณฯ ชิโร ซะโดชิมะ เอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทย และว่าที่ ร.อ.เกริกชัย โคตะสิน ผอ.ร.ร.บ้านหนองปลาคูณ จ.ศรีสะเกษ ณ สถานเอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทย
⦁…เจ้าหน้าที่ควบคุมตัวคณะของ เปรมชัย กรรณสูต นักธุรกิจใหญ่ แห่ง “บ.อิตาเลียนไทยดีเวล๊อปเมนต์” ไปตั้งแคมป์กลางป่าทุ่งใหญ่ ค้นพบปืน ติดกล้องไรเฟิลยี่ห้อดังๆ พร้อมกระสุน ที่สำคัญได้แก่ ซากสัตว์คุ้มครอง เสือดำ เก้ง ไก่ฟ้าหลังเทา ที่ชำแหละเอาเนื้อหนังแยกจากกัน ท้องที่เกิดเหตุ คือ “สภ.ทองผาภูมิ” ห่างจากตัวเมือง 200 กม. เหตุเกิดอาทิตย์ที่ 4 ก.พ. เพิ่งจะมาเป็นข่าวเมื่อ “ตอนเช้า 6 ก.พ.”
⦁…ภาพข่าว คลิปข่าว ครบถ้วน กลายเป็นหนัง “เพชรพระอุมา” ภาคพิเศษ ในยุคกระแสโลก “ปฏิเสธการล่าสัตว์ป่า” การทำลายสภาพธรรมชาติ ปัญหาคือ คณะนี้ได้ทำเรื่องขออนุญาตเข้าไป แต่เจ้าหน้าที่ยืนยันว่า ยังไม่ได้อนุญาต แต่มีข่าวออกมาว่า มี “ข้าราชการระดับ ผอ.” จัดให้ ก็ต้องค่อยๆ เคลียร์กันออกมาว่า ใครออก “การ์ดเชิญ” หรือ “ประทับตรา” ผ่านให้ ทั้งที่อุปกรณ์ล่าสัตว์ ปืนผาหน้าไม้ครบถ้วนแบบนี้
⦁…ประเทศไทยพื้นที่ไม่ได้ใหญ่โต เคยมี “ป่า-สัตว์ป่า” มากมาย แต่นั่นคือ “อดีต” ที่ผ่านพ้นนานแล้ว ตอนนี้ป่า “เหลือน้อย” แทบไม่พอให้สัตว์อยู่ เลยลดจำนวนลงไปเรื่อยๆ และเรื่อยๆ ตอนนี้ สังคมต้องสนับสนุนการทำงานของเจ้าหน้าที่ เช่นเดียวกับ “ผู้บังคับบัญชา” ตั้งแต่ รัฐบาล ครม. ลงไปถึงฝ่ายประจำ ต้อง “แบ๊ก” การทำงานอย่างตรงไปตรงมาของเจ้าหน้าที่ ไม่ไป “ซูเอี๋ย” หรือแอบเปิดประตูวีไอพี รับการ “เจรจา-กดดัน”
⦁…ย้อนกลับไปยุครัฐบาลทหาร ปี 2516 มี จอมพลถนอม กิตติขจร เป็นนายกฯ เคยมี “คณะทหาร ตำรวจ ข้าราชการ นักธุรกิจ ดารา” ไปตั้งแคมป์ล่าสัตว์ในทุ่งใหญ่แห่งนี้ เอา “ฮ.” ไปรับส่งกันอย่างครึกโครม อาหารการกินเต็มที่ เอาปืนสารพัดชนิดไปยิงสัตว์ อย่างไม่เกรงใจใคร เจ้าหน้าที่ป่าไม้และนักศึกษา ชมรมอนุรักษ์ธรรมชาติ เข้าไปเจอก็ไม่สะทกสะท้าน แล้วก็เหมือน “ธรรมชาติลงโทษ” ฮ.ลำเลียงคนและซากสัตว์มาตกที่บางเลน นครปฐม พรานบรรดาศักดิ์ตายไป 6 ซากสัตว์ ขากระทิง เกลื่อน หนังสือพิมพ์ลงข่าวครึกโครม
⦁…จุดเดือดคือ รัฐบาลตอนนั้น อ้างดื้อๆ ว่า ไป “ราชการลับ” ทำเอาศัพท์คำนี้ “ฮิต” เชิงประชดประชัน ไปทั่วบ้านทั่วเมือง เหตุการณ์นี้ กลายเป็นประเด็นวิจารณ์รัฐบาล เปิดบทบาทของขบวนการนักศึกษา สั่งสมนำไปสู่การชุมนุมไล่รัฐบาล “ถนอม-ประภาส-ณรงค์” เมื่อตุลาคม 2516 และจบลงด้วยการล่มสลายของรัฐบาลขณะนั้น โดยประชาชน-วีรชน 14 ตุลา อุทิศชีวิตเลือดเนื้อ ขับไล่พ้นจากอำนาจไป
⦁…วันนี้เกิดเหตุทำนองเดียวกันในรัฐบาล คสช. ที่บิ๊กป้อมบอกว่า เป็น “รัฏฐาธิปัตย์” กุมอำนาจอยู่ ยิ่งต้องรักษา “บรรทัดฐานและกฎหมาย” ของบ้านเมือง มิฉะนั้น เหตุการณ์ที่อ่อนไหวต่อความรู้สึกของผู้คน อาจ “พลิก” กลายเป็นเรื่องการเมืองได้ง่ายๆ ก็ต้องดูว่า จาก “กระทิงทุ่งใหญ่” เมื่อปี 2516 มาถึง “เสือดำทุ่งใหญ่” ในปี 2561 ผลงานของ “พรานไฮโซ” จะได้รับผลทางกฎหมายอย่างสมน้ำสมเนื้อหรือไม่
กาแฟป่า
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่