เมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ อดีตสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) กล่าวว่า ตนขอชื่นชม นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ที่กล้าพูดเรื่องนาฬิกาหรู 25 เรือนของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม โดยเปรียบเปรยว่า ในกรณีดังกล่าวถ้าเป็นตนเองคงลาออกไปแล้ว แต่อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้ทำให้ตนต้องไปตรวจดูบัญชีทรัพย์สินของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการว่า มีกรณีใดที่จะเป็นการไม่ปฏิบัติตามกฎหมายหรือรัฐธรรมนูญหรือไม่ ตนจึงพบว่า ท่านได้รายงานต่อ ป.ป.ช. ว่ายังคงถือหุ้น SCC อยู่จำนวน 5,000 หุ้น หลังจากที่รัฐธรรมนูญ 2560 มีผลใช้บังคับ โดยหุ้น SCC นั้น น่าจะเป็นตัวย่อของบริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) ตามที่ปรากฏในเว็บไซต์ตลาดหลักทรัพย์ฯ ซึ่งหุ้นดังกล่าวศาลรัฐธรรมนูญเคยวินิจฉัยไว้แล้วว่า เป็นหุ้นสัมปทาน เมื่อเป็นหุ้นสัมปทาน ก็จะมีปัญหาตามมาว่า รัฐมนตรีที่ถือหุ้นอยู่น่าจะต้องขาดคุณสมบัติหากมีการส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย
นายเรืองไกรกล่าวอีกว่า แต่กรณีของ นพ.ธีระเกียรติ ที่พูดถึงเรื่องจริยธรรมและความรู้สึกผิดชอบชั่วดี ต่อกรณีนาฬิกาหรู 25 เรือนนั้น หากเทียบเคียงกับการถือหุ้นสัมปทาน คงไม่แตกต่างกัน ดังนั้น ตนจึงได้ส่งจดหมายอีเอ็มเอสไปยัง นพ.ธีระเกียรติ ว่าเรื่องหุ้น SCC ที่ท่านถืออยู่นั้น เป็นหุ้นสัมปทานหรือไม่ ถ้าใช่ ท่านจะพิจารณาลาออกเองเพื่อเป็นตัวอย่างได้หรือไม่ ทั้งนี้ ได้ส่งจดหมายอีเอ็มเอสไปแล้วเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา
