เมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ นายปรเมธี วิมลศิริ เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ แถลงผลการประชุมคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นประธาน
นายปรเมธี แถลงถึงความคืบหน้าการจัดทำยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ว่า ขณะนี้ได้จัดทำแผนยุทธศาสตร์ชาติครบทั้ง 6 ด้านแล้ว อยู่ในระหว่างปรับปรุงแก้ไข และทบทวนเป้าหมายของยุทธศาสตร์ให้มีความชัดเจนสมบูรณ์ยิ่งขึ้น อีกทั้งยังมีการเปิดรับฟังความเห็นอย่างต่อเนื่อง ผ่านเว็บไซต์สภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติ ทั้ง 6 คณะ รวมถึงการเชิญหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชนจากทั่วประเทศเข้ารับฟังสร้างความเข้าใจ ซึ่งที่ผ่านมา ได้จัดไปแล้ว 2 งาน ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จ.ขอนแก่น เมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ ภาคเหนือ จ.เชียงใหม่ เมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ พบว่าประชาชนตื่นตัวและให้ความสนใจจำนวนมาก ส่วนภาคกลาง จะจัดในวันที่ 16 กุมภาพันธ์นี้ ที่ศูนย์ราชการฯ แจ้งวัฒนะ และภาคใต้ จ.สงขลา วันที่ 22 กุมภาพันธ์
นายปรเมธี แถลงว่า ภายหลังรับฟังความเห็นจากประชาชนแล้ว จะนำมาพิจารณาปรับปรุงเสนอคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติเพื่อให้ความเห็นชอบ ภายในเดือนพฤษภาคม จากนั้นจะนำเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อให้ความเห็นชอบภายในเดือนมิถุนายน และเข้าสู่กระบวนการของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ซึ่งคาดว่าจะประกาศใช้ในราชกิจจานุเบกษาภายในเดือนกรกฎาคมนี้
“มีการยืนยันว่าเรื่องของการจัดทำเป้าหมายและทิศทางของประเทศในระยะ 20 ปี ซึ่งมีเสียงวิจารณ์ว่า 20 ปี เป็นเรื่องระยะยาวจะมองทิศทางหรือกำหนดเป้าหมายได้อย่างไร ในเรื่องนี้มีข้อมูลว่าหลายประเทศได้จัดทำยุทธศาสตร์ วิสัยทัศน์ของประเทศในระยะยาว 30 ปี 50 ปีด้วยซ้ำ มีประเทศยากจน ร่ำรวย ตั้งแต่ กานา ยูกันดา รวมถึงฝรั่งเศส หรือประเทศเพื่อนบ้าน ทุกคนตื่นตัวและเห็นเป็นเรื่องสำคัญในการบริหารประเทศที่ต้องคำนึงถึงการกำหนดทิศทางระยะยาวของประเทศ เป็นเรื่องที่ประเทศไทยได้เตรียมการเช่นกัน ถ้าไม่มียุทธศาสตร์ชาติอาจมีการวิพากษ์วิจารณ์ว่าประเทศไทยไม่มีวิสัยทัศน์ ทำแต่เรื่องระยะสั้นไปวันๆ หนึ่ง” นายปรเมธี กล่าว
นายปรเมธี แถลงต่อไปว่า ในที่ประชุม นายกรัฐมนตรีได้ขอให้มีการเผยแพร่สร้างการรับรู้และความเข้าใจเป็นพิเศษ โดยเฉพาะในกลุ่มนักศึกษาที่กำลังจะเข้าสู่วัยทำงาน และผู้ประกอบการรุ่นใหม่ที่จะต้องปฏิบัติตามยุทธศาสตร์ชาติในระยะ 20 ปีข้างหน้า นอกจากนี้ ยังสั่งการให้ทุกกระทรวงจัดตั้งคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติประจำกระทรวงทั้ง 20 กระทรวง รวมถึงสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาและสภาความมั่นคงแห่งชาติ โดยให้ปลัดกระทรวงหรือรองปลัดกระทรวงเป็นประธานคณะ เพื่อรับช่วงในการนำแผนยุทธศาสตร์ชาติสู่การปฏิบัติต่อไป โดยแต่ละกระทรวงจะต้องจัดทำแผนแม่บทเสนอคณะกรรมการยุทธศาสตร์ในลำดับต่อไป
นายปรเมธี แถลงว่า สำหรับการจัดทำแผนปฏิรูป ที่ประชุมมีความเห็นตรงกันว่า แผนปฏิรูปประเทศที่นำมาเสนอมีความสอดคล้องกับทิศทางยุทธศาสตร์ชาติ เชื่อว่าจะทำให้ประเทศไทยมีทิศทางการพัฒนาประเทศตามเป้าหมายยุทธศาสตร์ชาติ สร้างสมดุลทางด้านเศรษฐกิจ สังคม ประชาชนมีสวัสดิการดี มีรายได้ และมีคุณภาพชีวิตดีขึ้น ทั้งนี้ คาดว่าจะนำเข้าที่ประชุม ครม.เพื่อให้ความเห็นชอบในเดือนมีนาคม และประกาศใช้ในราชกิจจานุเบกษาได้ทันวันที่ 5 เมษายนนี้ ซึ่งเป็นไปตามที่กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญ ให้จัดทำแผนปฏิรูปประเทศภายใน 1 ปี หลังประกาศใช้รัฐธรรมนูญ เมื่อวันที่ 6 เมษายน 2560
