‘ประทิน’รับไม่ได้ จำเลยก่อการร้ายปิดสนามบิน ยื่นศาลรธน.วินิจฉัยพธม.ชุมนุมขัดรธน.หรือไม่

เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2561 ที่บ้านเลขที่ 10/11 ซอยพร้อมศรี 2 สุขุมวิท 39 กรุงเทพมหานคร พล.ต.อ.ประทิน สันติประภพ อายุ 83 ปี อดีตอธิบดีกรมตำรวจและอดีตสมาชิกวุฒิสภา พร้อมนายประยงค์ ไชยศรี ทนายความ เปิดบ้านพักส่วนตัวของ พล.ต.อ.ประทิน ให้สัมภาษณ์กรณีที่ตกเป็นจำเลย ถูกแจ้งข้อกล่าวหาก่อการร้ายและอื่นๆ รวม 5 ข้อหา จากกรณีร่วมขึ้นเวทีปราศรัยของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ จ.สมุทรปราการ เมื่อปี 2551 ว่า การที่ร่วมชุมนุมกับกลุ่ม พธม.นั้นเป็นสิทธิตามรัฐธรรมนูญ เพื่อปกป้อง พิทักษ์รัฐธรรมนูญตามหน้าที่ของปวงชนชาวไทย ซึ่งรัฐธรรมนูญ มาตรา 69 ถึง 71 ก็คุ้มครองว่านี่คือสิทธิหน้าที่ของคนไทย มีหน้าที่ทักท้วงรัฐบาลและขับไล่ได้ โดยไม่ได้กำหนดวิธีการ การชุมนุมจึงเป็นการกดดันให้รัฐบาลออกไป เพื่อรักษาความมั่นคง เศรษฐกิจ และดินแดนของประเทศ

อดีต อ.ตร.กล่าวว่า ถูกตั้งข้อหา 5 ข้อหา อาทิ มั่วสุมตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป ทั้งที่คนเป็นแสน นี่ไม่ใช่การมั่วสุมแต่เป็นการชุมนุม อีกข้อหาคือการเข้าไปในเคหสถาน สถานที่ราชการ ทั้งที่ทุกสถานที่ที่เข้าไปเขาเปิดประตูรับ ข้อหาที่ 3 บุกรุกทำลายสนามบิน ข้อหาที่ 4 กีดขวางจราจร และข้อหาที่ 5 ทำให้การสื่อสารสาธารณะขัดข้อง เข้าข่ายก่อการร้าย ซึ่งตลกมาก ทั้งที่เป็นความผิดซึ่งหน้า ทำไมตำรวจไม่จับตอนนั้น ต้องรอให้คนของรัฐบาลไปแจ้งความร้องทุกข์แล้วออกหมายจับโดยไม่มีหลักฐานอะไรเลย จับใส่ ยัดใส่อาวุธ ท่อนไม้อะไรก็กล่าวหาเป็นของ พธม. อย่างพฤติการณ์ของตน ก็เพียงไปขึ้นเวทีชุมนุมเพียง 5 นาทีเท่านั้น

พล.ต.อ.ประทินกล่าวว่า ไม่เชื่อมั่นในการทำสำนวนของตำรวจ ที่ตอนนั้นมี พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง อดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นหัวหน้าพนักงานสอบสวน การทำสำนวนอ้างโน่นนี่ไม่มีเหตุผลพอ แล้วมาลงท้ายด้วยข้อหาก่อการร้ายที่โทษถึงประหารชีวิต แต่ลองดูผู้ที่ไปร่วมชุมนุมแต่ละคนเป็นผู้ก่อการร้ายที่ไหน อายุ 70-80 ปี บางคนเป็นอดีตทูตฯ เป็นนายทหาร ล้วนมีความรู้ความสามารถ หรือแม้กระทั่งตน เป็นอดีต อ.ตร.ที่ในชีวิตไม่เคยทำชั่วเลย จะเป็นผู้ก่อการร้ายได้อย่างไร เป็น 1 ใน 98 จำเลย และหลักฐานพฤติการณ์ของตนก็ไม่มีอะไรเลย เพียงแต่วันที่ 28 พฤศจิกายน 2551 ขับรถจะไปบ้านที่ จ.สมุทรปราการ จึงแวะไปเยี่ยมให้กำลังใจประชาชนที่ชุมนุมร่วมกันที่สะพานมัฆวานรังสรรค์ ขึ้นเวที ตอนไปสอบปากคำถามพนักงานสอบสวนก็บอกว่าส่วนของตนมีพยานหลักฐานแค่นี้ ขึ้นไปพูดบนเวทีแค่แป๊บเดียวตามที่สันติบาลบันทึกภาพและเสียงไว้ ตนไม่ได้เดินขบวนมาแต่แรก เพราะช่วงนั้นสุขภาพไม่ดี ถ้าแข็งแรงคงเดินขบวนด้วยแล้ว แต่นี่สุขภาพไม่ดี

พล.ต.อ.ประทินกล่าวว่า เมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ ตนและกลุ่มผู้ตกเป็นจำเลยอีก 10 คน รวม 11 คน ในนามกลุ่มยุติธรรมภิวัฒน์ ได้ยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญเพื่อให้วินิจฉัยกรณีนี้เกี่ยวกับการดำเนินคดี

Advertisement

นายประยงค์กล่าวว่า ในนามกลุ่มได้ยื่นศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าการชุมนุมของ พธม.เป็นไปตามรัฐธรรมนูญหรือไม่ โดยขอศาลวินิจฉัย 2 ประเด็น ว่าการชุมนุมของ พธม. กปปส. และองค์การพิทักษ์สยาม รัฐบาลในสมัยนั้นได้ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญว่าการชุมนุมขัดรัฐธรรมนูญ มาตรา 68 เป็นการล้มล้างรัฐบาล ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยยกคำร้อง ชี้ว่าไม่ขัดรัฐธรรมนูญ แต่ต่อมาเจ้าหน้าที่รัฐกลับดำเนินคดีกับผู้ชุมนุม จึงต้องการให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าการกระทำของเจ้าหน้าที่รัฐจงใจไม่ทำตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญหรือไม่ ประเด็นที่ 2 ต้องการให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าการชุมนุมของ พธม. กปปส. องค์การพิทักษ์สยาม เป็นไปตามรัฐธรรมนูญหรือไม่ เป็นอำนาจ สิทธิ หน้าที่ของปวงชนชาวไทยตามที่รัฐธรรมนูญรับรองหรือไม่

พล.ต.อ.ประทินยังกล่าวถึงรัฐบาลปัจจุบัน มองว่าเสถียรภาพของรัฐบาลยังดีอยู่ การชุมนุมที่เกิดขึ้นตอนนี้ทั้งใน กทม.โดยกลุ่มอยากเลือกตั้ง และวีวอล์ก มองว่ารัฐบาลต้องการให้คนเหล่านี้ได้ระบายบ้าง การชุมนุมจุดไม่ติด ไม่สามารถเป็นชนวนล้มรัฐบาลได้หรอก ไม่ส่งผลกระทบอะไร แม้แต่หลายๆ เรื่องที่รัฐบาลกำลังเผชิญ เช่นกรณีนาฬิกาของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ก็เป็นเรื่องส่วนตัว ไม่กระทบรัฐบาล ปัจจัยเดียวที่กระทบรัฐบาลทหารซึ่งแข็งแกร่งได้คือปัจจัยภายใน ในเรื่องการบริหารประเทศ ธรรมาภิบาล และการเล่นพรรคเล่นพวก ซึ่งรัฐบาลนี้ยังไม่พบปัญหา เรื่องสนับสนุนพรรคพวกเป็นเรื่องธรรมดา ส่วนปัจจัยภายนอกการเรียกร้องอยากเลือกตั้งของมวลชนไม่มีผล ประเทศยังต้องการรัฐบาลทหารมาดูแล รัฐบาลชุดนี้ไม่ต้องฝากอะไร โตๆ กันแล้ว รู้ว่าอะไรดีอะไรชั่ว อะไรควรทำหรือไม่ อย่างไรก็ตาม อยากให้มองเห็นคุณงามความดีของทหารที่เอารัฐบาลไม่ดีลงได้ การปฏิวัติจะต้องมีอีก เมื่อมีรัฐบาลชั่ว ประชาชนเอาไม่อยู่ต้องปฏิวัติ แต่อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ตนรับฟังจากประชาชนในช่วงนี้คือปัญหาของแพง อาหารแพง ปากท้องประชาชน อยากให้รัฐบาล กระทรวงพาณิชย์ เข้าไปกำกับดูแลแก้ปัญหาตรงนี้ให้ได้

พล.ต.อ.ประทินกล่าวด้วยว่า สิ่งที่ประชาชนคาดหวังจากรัฐบาลคือการปฏิรูปตำรวจ โดยเสนอให้ยุบสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และตั้งตำรวจส่วนกลางและตำรวจจังหวัด ขึ้นกับผู้ว่าราชการจังหวัด เช่นเดียวกับรูปแบบในสหรัฐอเมริกา เพื่อให้ตำรวจเติบโตได้ในท้องถิ่น แก้ปัญหาการวิ่งเต้นแต่งตั้งโยกย้าย ซึ่งตนมองว่าการซื้อขายตำรวจในการแต่งตั้งเป็นเรื่องที่ชั่วร้ายมาก

Advertisement

พล.ต.อ.ประทินกล่าวถึงกรณีที่ พล.ต.อ.สมยศ อดีต ผบ.ตร.ออกมาพูดว่าอาชีพตำรวจเป็นอาชีพไซด์ไลน์ว่า ไม่เหมาะสม ในฐานะที่เป็นถึงผู้นำตำรวจ ทำให้ภาพของสถาบันตำรวจเสียหายทั้งหมด คนมองไม่ดี อีกทั้ง ยศและตำแหน่งที่ได้มาก็ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ การพูดเช่นนี้หมิ่นเหม่ต่อกฎหมาย สร้างความเสียหาย ควรเสนอถอดยศด้วยซ้ำ คนที่เป็นตำรวจต้องทุ่มเท เสียสละ โดยเฉพาะผู้นำยิ่งต้องทำงานตำรวจอย่างเต็มที่ คนที่เอาอาชีพตำรวจเป็นไซด์ไลน์ ซึ่งในกรณีนี้ตนไม่ได้บอกว่าความหมายดีหรือไม่ดี แต่คนที่เอาอาชีพไปหากิน มีรายได้หลักจากธุรกิจผิดกฎหมาย เช่น บ่อน ซ่อง เพราะอาชีพพวกนี้กลัวตำรวจ แล้วคนที่เอาความเป็นตำรวจไปหากินกับพวกนี้ แบบนี้ชั่วร้าย ทั้งนี้ แม้ พล.ต.อ.สมยศออกมาขอโทษ บอกไม่เจตนาดูถูกดูหมิ่นอาชีพ ก็เป็นเพียงการแก้ตัวกับคำพูดที่ออกไปแล้วเท่านั้น และการที่ตนออกมาพูดประเด็นนี้ไม่ใช่การดิสเครดิต พล.ต.อ.สมยศ ที่ทำคดีที่ตนเป็นจำเลย ต้องย้อนถามว่า พล.ต.อ.สมยศพูดจริงหรือไม่ แล้วไปยืมเงินคนที่ทำธุรกิจแบบนั้นทำไม เสียหายหรือไม่ คนเป็นผู้นำตำรวจสมควรทำหรือไม่

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image