ไม่ว่าจะเป็นการเติมกำหนดเวลาบังคับใช้ร่างพรป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.ให้เนิ่นช้าออกไปอีก 90 วันหลังการประกาศผ่านราช กิจจานุเบกษา
ไม่ว่าอาการ”กลับลำ”จากการส่งร่างพรป.ว่าด้วยการได้มาซึ่ง ส.ว.ให้ศาลรัฐธรรมนูญ
สะท้อนความต้องการยื้อ ถ่วง หน่วง
มิใช่สนช.หรอกที่ยื้อ ถ่วง หน่วง มิใช่กรธ.หรอกที่ยื้อ ถ่วง หน่วง
หากแต่เป็น “นายใหญ่” เจ้าของ “เรือแป๊ะ”
บรรดา สนช. บรรดา กรธ. ก็เพียงแต่ดำเนินไปตามใบสั่ง ดำ เนินไปตามพิมพ์เขียว
ลง”เรือแป๊ะ”ก็ต้องตามใจ”แป๊ะ”เจ้าของเรือ
หากสงสัยว่าเหตุใดจึงต้องดำเนินกลยุทธ์ในแบบยื้อ ถ่วงและหน่วง เพื่อให้”การเลือกตั้ง”ทอดยาวนานที่สุด
เริ่มตั้งแต่คว่ำ”ร่างรัฐธรรมนูญ”เมื่อเดือนกันยายน 2558
บทสรุปจากปากของ นายบวรศักดิ์ อุวรรโณ ยืนยันความเป็นจริงอย่างเป็นรูปธรรมกระทั่งสถานการณ์ล่าในเดือนมีนาคม 2561 ที่ว่า
“อยากอยู่ยาว”
มิได้เป็นความอยากอยู่ยาวจากแป๊ะเจ้าของเรือเท่านั้น หากประดาคนบนเรืออย่างที่เรียกขานว่า “แม่น้ำ 5 สาย”ก็ล้วนแต่อยากอยู่ยาวด้วยกันทั้งสิ้น
เพราะมิได้อยู่เปล่าๆ ตรงกันข้าม อยู่อย่างได้รับเงินเดือนไม่เพียงแต่ตัวเอง หากแต่บรรดาที่ปรึกษาและผู้ติดตามก็ได้ด้วย
มี 2 ตำแหน่งก็รับ 2 ทาง มี 3 ตำแหน่งก็รับ 3 ทาง
หากว่า “การเลือกตั้ง” ย่างสามขุมมาถึงเมื่อใด นั่นหมายถึงการนับถอยหลังเมื่อนั้น
กลับบ้านเก่า สถานเดียว
ความหวาดกลัวต่อ “การเลือกตั้ง” จึงมิได้เป็นโรคอันเนื่องแต่ความ หวาดกลัวที่จะพ่ายแพ้อย่างเดียว
หากแต่ยังหมายถึง “อำนาจ” ที่เคยมีอยู่ในมือ
ขณะเดียวกัน ถ้าย้อนกลับไปศึกษาสาเหตุและมูลเชื้ออันนำมาซึ่งสถานการณ์ก่อนรัฐประหารมาจากความเชื่อมั่นเดียว
นั่นก็คือ กลัว”แพ้”ในสนาม”การเลือกตั้ง” ไม่มีอื่น