จ่อผุดหลักสูตรปรับทัศนคติ-มีโควต้าสื่อ สูงสุด30วัน ต้องสอบจบด้วย ท้าไปฟ้องยูเอ็น

“บิ๊กตู่” บอก เป็นคนคิดหลักสูตรอบรมนักการเมืองเอง เตรียมออกเร็วๆ นี้ ชี้ระยะเวลาขึ้นอยู่กับความเข้าใจ ยันดูแลอย่างดี ไม่มีทรมาน เอาถุงดำคลุมหัว แย้ม มีโควต้าสื่อด้วย เปรียบผู้นำต้องกล้าเปลี่ยนแปลง อ่านทุกเรื่องเพื่อสั่งการ รอเซ็นอย่างเดียวอย่ามาบริหารประเทศ เล่นมุข ให้หม้อคลุมหัวเป็นรางวัล หลังจบคอร์ส

เมื่อเวลา 14.50 น. วันที่ 29 มีนาคม ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) กรณีแนวคิดการเปิดหลักสูตรเรียกบุคคลเข้าปรับทัศนคติ ว่า อย่าใช้คำว่าปรับทัศนคติ หลักสูตรของตนที่คิดขึ้นมาเป็นเพราะเห็นว่าความขัดแย้งสูงขึ้น ในเมื่อทุกคนเรียกร้องอยากจะมีเวทีพูดคุย ก็ควรจะพูดคุยในสาระที่ควรคุยกัน ตนก็จะให้เวลามาพูดคุยกันสัก 3 วัน 5 วัน 7 วัน 15 วัน 30 วัน อบรมเรื่องการเมือง ธรรมาภิบาล ศีลธรรม คุณธรรม จริยธรรม เหมือนการเรียนหนังสือ สื่อมวลชนก็ด้วยมีโควต้าในการเข้าอบรม ตนไม่ได้พูดเล่น

ผู้สื่อข่าวถามว่า การเปิดหลักสูตรนี้จะสามารถช่วยอะไรได้หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า คิดว่าคงไม่สามารถช่วยอะไรได้ จะไปช่วยอะไรได้ คนสมองมันเป็นแบบนี้ แต่อย่างน้อย ก็ไม่ต้องฟังเขาพูดอยู่หลายวัน แต่เมื่อออกมาคงพูดใหม่อีก แต่พูดใหม่ก็เรียกมาอบรมใหม่ จะอบรม 3-4 รอบก็ได้ ไม่เห็นเป็นไร ไม่ได้เอาไปขังคุกเสียเมื่อไหร่ ต้องเข้าใจว่ากฎหมายคือกฎหมาย และต้องเข้าใจว่าอะไรคือคำสั่งกฎหมายพิเศษ และเข้าใจว่าอะไรเป็นพ.ร.บ.ความมั่นคง เมื่อสถานการณ์ไม่ปกติก็ต้องมีกฎหมายขึ้นมา เพื่อแก้ไขให้สถานการณ์เกิดความสงบเรียบร้อย หรือว่าสื่อไม่ต้องการ ถ้าไม่ต้องการจะยกเลิกให้ ออกไปตีกันบนท้องถนนเอาอีกไหม แล้วรับผิดชอบนะ

เมื่อถามว่าคาดหวังอะไรกับหลักสูตรดังกล่าว นายกฯกล่าวว่า คาดหวังให้เขามาตอบคำถามกับครูของตน ว่าสิ่งที่พูดมาความหมายคืออะไร ถ้าเป็นสื่อก็ต้องถามว่าคอลัมน์ที่เขียนมาหมายความว่าอย่างไร และตนจะให้คนของตนอธิบายว่าสิ่งที่เขียนมามันไม่ถูก โดยจะบอกว่ารัฐบาลกำลังทำอะไรอยู่ ถ้ายังไม่เข้าใจก็อบรมอีก เพราะตนพูดในสิ่งที่มันถูกเป็นข้อเท็จจริง ฉะนั้น อย่ามาบิดเบือน และตนจะเป็นคนกำหนดหลักสูตรเอง ทั้งเรื่องการเมือง คุณธรรม จริยธรรม สิ่งเหล่านี้ที่มันไม่มีกัน รวมถึงหลักสูตรการบริหารราชการแผ่นดิน ที่ทุกคนบอกว่าทหารทำไม่เป็น ซึ่งตนจะถามเขาว่าสิ่งที่ทำกันมามันถูกและผิดอย่างไร ตรงไหน

Advertisement

“ผมไม่ได้คาดหวังอะไรมากนักหรอก เพียงแต่ต้องการให้สังคมได้เห็นชัดเจน ว่าสิ่งที่เขาพูดมาเป็นอย่างไร ถูกหรือผิด ใช่หรือไม่ และสิ่งที่ผมพูดใช่หรือไม่ใช่ ผมทำทุกอย่าง แก้ปัญหาทุกอย่างก็ตีรำฟังแทงกับผมมาตลอด ขณะเดียวกันคดีความทางกฎหมาย กระบวนการยุติธรรมก็ไม่รับ แล้วคนแบบนี้หรือ ที่คุณจะให้เขามาเป็นนักการเมือง มาบริหารประเทศแทนให้คุณหรือ ถ้าคุณเห็นคนเหล่านี้ทำดีกว่าผม ก็เชิญตามสบายเถอะ” นายกฯกล่าว

นายกฯกล่าวด้วยว่า หากสื่ออยากรู้เรื่องหลักสูตร ให้ พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ใส่ชื่อเข้าไปเรียนในหลักสูตรแรก ทุกคนที่พูดไม่ดี พูดไม่ตรง พูดไม่ใช่ ให้เรียกอบรมหมด ก็ไปถกแถลงกัน ทุกพรรค ไม่ใช่พรรคนี้พรรคโน้น ทุกคนที่พูดไม่ตรงกับรัฐบาลพูด หรือสิ่งที่รัฐบาลทำ หรือไม่ตรงกับที่รัฐบาลให้โอกาส วิพากษ์วิจารณ์โดยสุจริตทำเป็นไหม ตนจะให้คนเหล่านี้มาวิพากษ์วิจารณ์อยู่แบบนี้หรือ เสร็จแล้วก็ไปเรื่องรัฐธรรมนูญ ประชามติผ่านไม่ผ่าน มันอะไรกัน กระบวนการทางสมองมันผิดกันหรืออย่างไร ตนไม่เข้าใจ

“ผมไม่ใช่คนเรียนสูง แต่เอาชาติ ประชาชนเป็นที่ตั้ง ผมไม่ได้ทำงานเพื่อเงิน เพื่อผลประโยชน์ เพื่ออำนาจ ผมทำอย่างนี้มาตลอดชีวิต ไม่เคยคิดจะมายืนตรงนี้ ไม่เคยคิดจะเป็น ผบ.ทบ. คิดแต่เพียงว่าจบเป็นร้อยตรีจะตายวันไหน เผอิญมันไม่ตาย แค่นั้นแหละ” นายกฯกล่าว

Advertisement

นายกฯกล่าวว่า หลักสูตรที่จะทำขึ้นมานั้นไม่ได้เป็นการขู่อะไร เพราะไม่ได้เอาไปฆ่าแกงอะไร ไม่ได้เอาถุงดำครอบหัว หรือเอาไปทรมาน จะทำให้เปลืองแรงทำไม ไม่ได้ประโยชน์อะไรสักอย่าง จะไปทรมานทำไม ข้าวก็เปลือง ทำอะไรก็นึกถึงครอบครัวบ้างจะลำบาก เพราะไม่อยู่บ้านหลายวันหรือเขาอาจจะดีใจก็ได้ โดยรับรองว่าจะดูแลเป็นอย่างดี แล้วอย่าลืมต้องเตรียมสอบด้วยทั้งประจำวัน ประจำสัปดาห์ ก่อนสิ้นสุดคอร์ส ถ้าไม่ผ่านก็เข้าคอร์สสอง มันต้องเรียนรู้ ถ้าคิดเองถามเองก็จะเป็นแบบนี้ เช่นเดียวกับตนในการประชุม ครม.ต้องอ่านทุกเรื่อง รู้ทุกเรื่องถึงจะสั่งได้ ไม่ใช่พหูสูตที่จะรู้เอง คนจะบริหารราชการต้องอ่านหนังสือ ทหารตำรวจต้องอ่านหนังสือ ไม่ใช่ให้ลูกน้องทำมาแล้วเซ็นอย่างเดียว เพราะการเสนอเรื่องขึ้นมาบางครั้งไม่ตรงนโยบายที่ต้องการ เพราะวุฒิภาวะไม่เหมือนกัน ฉะนั้นต้องอ่าน ผู้นำต้องเป็นแบบนี้ มีความแตกต่างเป็นผู้นำแห่งการเปลี่ยนแปลง ถ้าทำแบบเดิมผิดๆ ถูกๆ ไปเรื่อย อย่ามาเป็นเลย คงต้องอบรมหลายรอบกว่าจะเป็นผู้นำ เผลอๆ ไม่ได้เป็น อบรมยาวไปเลยแล้วกัน ทั้งนี้ ระยะเวลาการอบรมขึ้นอยู่ว่าเข้าใจแค่ไหน ถ้าเข้าใจมากเช้าไปเย็นกลับก็ได้

นายกฯกล่าวว่า สำหรับนายวรชัย เหมะ อดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทย ยังไม่ถือว่าสอบผ่าน เพราะยังไม่ได้เข้าหลักสูตรเลย ตอนนี้กำลังทำหลักสูตร อันนี้เป็นพวกเตรียมการเข้าอบรม พวกฟรี โดยหลักสูตรจะออกเร็วๆ นี้ ฝ่ายความมั่นคงทำอยู่

ผู้สื่อข่าวถามว่ามีเครื่องแบบให้ผู้ที่เข้าอบรมหรือไม่ นายกฯตอบอย่างมีอารมณ์ขันว่า ไอ้นี่ถามกวนประสาท คนเรียนอาจจะให้นั่งเรียนกลางแดดจะได้จำ และจะมีประกาศนียบัตรให้ด้วย อย่างน้อยก็หม้อใบหนึ่งเอาไว้ครอบหัวกลับบ้าน พอแล้วนะไร้สาระกันแล้ว

ส่วนกรณีนายวัฒนา ระบุว่าจัดหลักสูตรปรับทัศนคติก็ไม่ประสบความสำเร็จ และจะร้องไปยังสหประชาชาติ (ยูเอ็น) นายกฯกล่าวว่า ก็ให้ร้องไป โดยวานนี้ (28มี.ค.) ตนได้ชี้แจงกับปลัดกระทรวงต่างประเทศสหรัฐอเมริกา ด้านกิจการพลเมือง ประชาธิปไตย และสิทธิมนุษยชน แล้ว ในโอกาสที่มาพบ และการเดินทางไปสหรัฐอเมริกาครั้งนี้ จะอธิบายถึงสถานการณ์ต่างๆ ในไทยด้วยหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับว่าเขาถามหรือเปล่า แต่ที่ตนไปนั้นเป็นการประชุมเกี่ยวกับเรื่องนิวเคลียร์ โดยทางสหรัฐก็ไม่ได้รังเกียจอะไรตนนักหรอก เว้นแต่พวกที่ต้องโดนเรียกมาอบรม ซึ่งเป็นคนในประเทศเราเอง เรื่องบางเรื่องเป็นภายในประเทศ บางเรื่องเป็นเรื่องของประชาคมโลก ยังไงก็หนีกันไม่ได้ ประเทศไทย คือประเทศไทย ตนบอกทุกประเทศอย่ามากังวล ตนมาเพื่อคนไทยประเทศไทย และทำให้นักการเมืองด้วย ซึ่งที่ผ่านมาทำอะไรให้กันบ้าง กฎหมายการค้า การลงทุนแก้กันให้เป็นสากลหรือเปล่า มีผลประโยชน์เรียกเขาหรือเปล่า

นายกฯกล่าวอีกว่า ตนประกาศไปทุกประเทศ ต่อไปนี้ใครเรียกผลประโยชน์ ให้บอกมา ทุกประเทศ ทุกบริษัททั้งไทยและต่างประเทศให้ทำหนังสือมา จะสอบให้เดี๋ยวนั้น ไม่ว่าจะอ้างใครทั้งสิ้น เพราะตนบอกเสมอไม่ต้องการให้มีการทุจริต ถ้าวันใดก็ตามมีการชี้ทุจริตออกมา ก็ต้องลงโทษ แต่ตราบใดไม่มีก็ให้ไปหาหลักฐานมาอย่าพูดส่งเดช มันก็วุ่นไปหมด บ้านเมืองเสียหายอย่างนี้ ไม่เห็นได้อะไรขึ้นมา หากบอกว่าใครโกงให้เอาหลักฐานมา รู้ไหมคนพูดแบบนี้จะโดนติดคุกนะ เสร็จแล้วมาบอกตนรังแกสื่อ รังแกสื่อในโซเชียลมีเดีย มันผิดกฎหมายหรือเปล่า ละเมิดคนอื่นหรือเปล่า สอนคนแบบนี้บ้าง

เมื่อถามว่าที่นายกฯเคยระบุว่าเพื่อนก็ไม่เว้น หมายความว่าอย่างไร นายกฯกล่าวว่า เป็นการพูดให้ฟัง ไม่ว่าจะเพื่อน ญาติ ทำไมจะต้องเป็นใครคนไหน ตนเพียงยกตัวอย่าง ซึ่งแม้แต่คนใกล้ชิดก็ทุจริตไม่ได้ เข้าใจหรือยัง ถึงจะชอบพอกันก็ละเว้นไม่ได้ ถ้าทำผิดกฎหมาย ตนต้องรักษากฎหมาย คสช.ภาษาอังกฤษ แปลว่าอะไร ต้องทำกฎหมายให้เป็นกฎหมายด้วยไม่ใช่หรือ วันนี้ตนทำทุกอย่าง เดี๋ยวพอตนไปก็จะรู้ว่าทำอะไรไว้ให้บ้าง แล้ววันหน้าจะเกิดอะไรบ้าง สื่อก็ไปขึ้นบัญชีเอาก็แล้วกัน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการแถลงข่าวครั้งนี้นายกฯ เปิดโอกาสให้สื่อซักถามอย่างเต็มที่มากกว่า 5 คำถาม โดยบอกว่าจะไปภารกิจต่างประเทศหลายวัน กลัวว่าจะคิดถึงให้ถามเต็มที่มีอะไรก็ถามมา อย่างน้อยจะได้มีอะไรเขียนด่าตนอีกหลายวัน ซึ่งผู้สื่อข่าวได้อวยพรให้นายกฯเดินทางปลอดภัย พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า มีพระดี ไม่ต้องห่วง แต่สื่อเป็นคนดีหรือเปล่า ขอให้ช่วยประเทศชาติ

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image