กกต.หวังดอกไม้บานสะพรั่ง! 65 ล้านแห่ลงประชามติ เตือนคนรณรงค์ระวังผิดก.ม.

“ศุภชัย” หวัง ดอกไม้บานสะพรั่ง 65 ล้านเสียง ลงประชามติ เตือนคนจ่อคว่ำร่าง ผิด ก.ม.

เมื่อวันที่ 30 มีนาคม ที่โรงแรมเซ็นทราศูนย์ราชการและคอนเวนชันเซ็นเตอร์ นายศุภชัย สมเจริญ ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กล่าวถึงกระบวนการจัดทำประชามติต่อร่างรัฐธรรมนูญ ว่า เมื่อทางคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้รับร่างรัฐธรรมนูญจากคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) แล้ว และเมื่อกกต.ได้รับแจ้งแล้วก็ต้องรีบดำเนินการเพื่อให้มีการลงประชามติตามมาตรา 39 วรรค 1 ทับ 3 พร้อมทั้งเตรียมจัดพิมพ์ร่างรัฐธรรมนูญ แต่ตอนนี้ตนต้องรอให้กรธ.จัดทำสรุปเนื้อหาสาระสำคัญร่างรัฐธรรมนูญ ภายใน 15 วันหลังจากที่กรธ.ส่งร่างให้ครม.และสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) อย่างไรก็ตามกกต.ได้มีการจัดเตรียมไว้ล่วงหน้าแล้ว ส่วนร่างพ.ร.บ.ว่าด้วยการออกเสียงประชามตินั้นยังอยู่ในขั้นตอนการพิจารณาของสนช. ซึ่งคาดว่าอาจจะมีเพิ่มเติม

นายศุภชัย กล่าวต่อว่า ภายใน 15 วันหลังจากนี้ ทางกกต.ก็ได้เตรียมคณะกรรมการด้านต่างๆ ซึ่งตนแต่งตั้งไว้ 14 คณะ เกี่ยวกับการจัดพิมพ์ร่างรัฐธรรมนูญ สรุปสาระสำคัญ ใบในการใช้สิทธิ์ออกเสียงประชามติ รวมทั้งการประชาสัมพันธ์ ทั้งนี้เมื่อเราได้รับร่างและวันประกาศออกเสียงประชามติก็จะมีการเตรียมรณรงค์ให้ผู้มีสิทธิ์ออกเสียงให้มากันมากๆ โดยตนอยากให้มีดอกไม้ 65 ล้านต้องบานสะพรั่ง ซึ่งตนขอตั้งเป้าไว้ต้องมาประมาณ 85 % ขณะเดียวกันนายประวิช รัตนเพีชร กกต.ด้านการมีส่วนร่วมไปทำการตกลงกับมหาวิทยาลัยราชภัฎ และมหาวิทยาลัยราชมงคล ตลอดจนโครงการรด.จิตอาสา เพื่อช่วยกันรณรงค์ออกเสียงประชามติ

เมื่อถามว่าหากมีคนรณรงค์เห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยต่อร่างรัฐธรรมนูญจะสามารถทำได้หรือไม่ นายศุภชัย กล่าวว่า ตนคิดว่าถ้าสิ่งใดทำขัดกับกฎหมายก็ไม่สมควรทำ ถ้าใครจะเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยก็ไม่ควรจะไปชักจูงใจให้ใครคิดตาม เพราะกฎหมายระบุไว้ใช้เจน อีกทั้งการออกกฎหมายแรงเช่นนี้ ถ้าไม่ไปทำผิดกฎหมายก็ไม่เห็นจะเป็นอะไร

เมื่อถามว่าเห็นด้วยหรือไม่กับการที่กรธ.ออกไปทำความเข้าใจกับประชาชนเกี่ยวกับเนื้อหาร่างรัฐธรรมนูญ ประธานกกต. กล่าวว่า ตามกฎหมาย กกต.อาจมอบให้หน่วยงานของรัฐ และภาคเอกชนรณรงค์ เผยแพร่ร่างรัฐธรรมนูญ อย่างไรก็ตาม การที่กรธ.ซึ่งเป็นผู้ร่างออกไปรณรงค์นั้น คิดว่ากรธ.ย่อมรู้ว่าร่างรัฐธรรมนูญจะมีสาระสำคัญอย่างไร เพื่อให้ทุกคนรับรู้ และรับทราบ เพื่อไปลงประชามติ ส่วนประชาชนจะรับหรือไม่รับล้วนเป็นสิทธิ และเป็นความลับ คงไม่มีใครไปบังคับขู่เข็ญได้หรอก และอยากย้ำว่าถ้าใครไปบังคับขู่เข็ญจะมีความผิดแน่นอน

ADVERTISMENT

“สำหรับข้อหนักใจที่อาจจะมีคนไปใช้สิทธิ์ ไม่ถึง 85% นั้น เราอยากให้ดูต้นแบบที่ประเทศเมียนมาที่ออกมาใช้สิทธิ์กันเยอะ ซึ่งประเทศเราก็เช่นกันทุกคนอยากเห็นรัฐธรรมนูญ เพราะเป็นกฎหมายสูงสุดของประเทศ และทุกคนต้องอยู่ภายใต้กรอบกฎหมาย เพราะฉะนั้นต้องออกมารักษาสิทธิ์ของตนเองด้วย” นายศุภชัย กล่าวและว่า การใช้งบออกเสียงประชามติต้องใช้งบอย่างประหยัดและมีประสิทธิภาพที่สุด

เมื่อถามถึงกรณีที่นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ คณะทำงานฝ่ายกฎหมายพรรคเพื่อไทย ยื่นร้องเรียกเงินที่เหลือจากการเลือกตั้ง 2 กุมภาพันธ์ 2557 คืนนั้น ประธานกกต.กล่าวว่า คิดว่านายเรืองไกรไม่เข้าใจ เพราะงบประมาณที่สำนักงบประมาณให้มาแบบขาดไปเลย ส่วนงบที่เหลือเราก็ได้ไปใช้สร้างสำนักงาน เพราะว่ารัฐบาลให้งบเราแค่เงินเดือนแต่ให้อย่างอื่นไม่มี ดังนั้นต้องใช้งบที่เหลือสะสมนำมาใช้ ทั้งนี้อยากย้ำว่าไม่ได้ผิดกฎหมายแต่อย่างใด ซึ่งเงินหลวงยังอยู่ไม่ได้เอาไปไหน ถ้าใครเอาไปใช้ผิดประเภทแม้แต่บาทเดียวก็มีความผิด