กกต.อยากทำงาน บอกฟิตมาก! ซ้อมมาตั้งแต่ 2 ก.พ.ปี’57

กกต.มั่นใจยุทธศาสตร์ดอกไม้ 65 ล้านบานสะพรั่งดึงปชช.ใช้สิทธิออกเสียงประชามติตามเป้า ด้าน “ประวิช” โวซ้อมมาตั้งแต่เลือกตั้ง 2 ก.พ. 57

เมื่อเวลา 14.00 น.วันที่ 30 มีนาคม ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นายศุภชัย สมเจริญ ประธานกกต. กล่าวต้อนรับนักศึกษาหลักสูตรนิติธรรมเพื่อประชาธิปไตย รุ่น 4 ของสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ ที่มาศึกษาดูงานของสำนักงานกกต. และชี้แจงถึงแนวทางการทำประชามติร่างรัฐธรรมนูญหลังครม. ส่งร่างรัฐธรรมนูญมาให้กกต.ดำเนินการ ว่า กกต.จะใช้แผนรณรงค์เพื่อให้ประชาชนออกมาใช้สิทธิให้ได้ร้อยละ 80 โดยแบ่งเป็น 3 ระยะ คือระยะตื่นตัวตั้งแต่มกราคม-วันที่ครม.ส่งร่างรัฐธรรมนูญให้กกต. ระยะที่ 2 ระยะติดตาม จะเป็นช่วงหลังกกต.ได้รับร่างรัฐธรรมนูญแล้วไปจนถึงวันที่กกต.ประกาศกำหนดวันออกเสียงประชามติ และระยะที่ 3 เป็นระยะตัดสินใจ นับตั้งแต่วันที่กกต.ประกาศกำหนดวันออกเสียงจนถึงวันออกเสียงประชามติ ซึ่งการรณรงค์จะยึดหลักในเรื่องความสะดวก เที่ยงธรรม และประชาธิปไตยคุณภาพ และมียุทธศาสตร์ “ดอกไม้ 65 ล้านบานสะพรั่ง”

นายศุภชัย กล่าวว่า นอกจากนี้จะมีการนำเทคโนโลยีใหม่ เข้ามาช่วยในการรณรงค์ จัดการเลือกตั้ง และการตรวจสอบผ่านแอพพลิเคชั่นบนสมาร์ทโฟน ที่จะมีแอพพลิเคชั่นดาวเหนือให้รายละเอียดหน่วยลงคะแนนของผู้มีสิทธิออกเสียง แอพพลิเคชั่นตาสับปะรด ใช้แจ้งเบาะแสทุจริต และแอพพลิเคชั่นฉลาดรู้ที่จะให้ข้อมูลเกี่ยวกับร่างรัฐธรรมนูญ แต่ทั้งมั่นใจว่าการนำเทคโนโลยีมาใช้จะสามารถทำให้ทราบผลการออกเสียงประชามติอย่างไม่เป็นทางการได้ภายใน 3 ชั่วโมงหลังปิดการออกเสียง อย่างไรก็ตามนายศุภชัย ยืนยันว่าการใช้งบออกเสียงประชามติครั้งนี้กกต.ได้พิจารณาโครงการต่างให้สอด คล้องกับเหตุการณ์ สถานการณ์ และนโยบายของรัฐบาล เพื่อให้การใช้งบมีประสิทธิภาพ

ด้านนายประวิช รัตนเพียร กกต.ด้านกิจการการมีส่วนร่วม กล่าวว่า ขณะนี้กกต.มีความฟิตมากที่จะทำงานเพราะซ้อมมาตั้งแต่วันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2557 ซึ่งการทำประชามติที่ผ่านมาเมื่อปี 50 มีผู้ออกมาใช้สิทธิร้อยละ 57 ขณะนั้นมีผู้มีสิทธิประมาณ 40 ล้านคน แต่ปัจจุบันมีการแก้ไขให้ผู้ที่มีอายุ 18 วันในวันออกเสียงประชามติ เป็นผู้มีสิทธิออกเสียงด้วยทำให้มียอดผู้มีสิทธิเพิ่มขึ้นอีก 8 แสนคน รวมจะมีผู้มีสิทธิในการออกเสียงครั้งนี้ 50 ล้านคน ดังนั้น หากมียอดผู้มาใช้สิทธิเกินกว่าร้อยละ 57 ก็ถือว่าใช้ได้ ทั้งนี้ที่มั่นใจว่าจะมีผู้มาใช้สิทธิมากกว่า เมื่อ 10 ปีที่ผ่านมา เพราะกกต.ได้เปลี่ยนวิธีในการรณรงค์จากเดิม