‘บิ๊กป้อม’ขออย่าห่วง’วัฒนา’ไม่เซ็นเอ็มโอยูหากครบ 7 วัน ย้ำไม่ใช่เป็นการนำนักการเมืองเข้าค่าย ต้องมีสาเหตุ เผยยังไม่ใช้ ม.44 ดำเนินการ และยังไม่ถึงขั้นใช้ กม.อาญา-คำสั่ง คสช.ดำเนินการ ชี้สื่อชอบขุดหลุม รู้ตัวอีกทีตกหลุมไปแล้ว
เมื่อวันที่ 31 มีนาคม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงกรณีเจ้าหน้าที่ทหารควบคุมตัวนายวัฒนา เมืองสุข อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์และแกนนำพรรคเพื่อไทยเพื่อเข้าหลักสูตรอบรมปรับทัศนคติที่มณฑลทหารบก (มทบ.11) เมื่อวันที่ 28 มี.ค. หากนายวัฒนาไม่เซ็นเอ็มโอยูยอมรับข้อตกลงกับ คสช.ก่อนจะครบกำหนด 7 วัน ว่า ทาง คสช.จะดูเอง ไม่ต้องห่วง ทำไมถามเป็นคนๆ ไม่ถามถึงคนทั้งประเทศ เป็นอะไรกัน ต้องเข้าใจว่ามีแต่คนเก่าๆ ที่ไม่เข้าใจ ก็จะต้องเรียกมา ทำอย่างไรได้ ต้องทำให้เข้าใจให้ได้ โดยหลักสูตรใหม่นี้ตนได้เริ่มแล้ว
ทั้งนี้ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ไม่ใช่เป็นการนำนักการเมืองเข้าค่าย ต้องมีสาเหตุ อยู่ดีๆ ไปเรียกมาได้อย่างไร ถ้าพูดอะไรทำให้เกิดความขัดแย้ง เกิดความไม่เป็นจริงจึงต้องเอามาชี้แจง เป็นเรื่องของตำรวจออกหมายเรียก ถ้าไม่ผิดจะไปเรียกมาได้อย่างไร พร้อมย้ำว่าไม่เกี่ยวกับเรื่องการเมือง
ส่วนจะมีการใช้มาตรา 44 กับผู้ที่ถูกเรียกมาอบรมแล้ว แต่ยังกระทำผิดหรือไม่ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ถ้ามีกฎหมายที่ดำเนินการได้ก็ให้เป็นไปตามกฎหมาย โดยที่ทำอยู่ขณะนี้ก็เพื่อสร้างความเข้าใจซึ่งกันและกัน ให้อยู่ร่วมกันได้คือความปรองดอง คนละเรื่องกัน ถ้าไม่อยากปรองดอง อยากเข้ากระบวนการยุติธรรมก็เอาไม่เป็นไร ก็เข้าไป
ส่วนจะดำเนินคดีอาญาหรือคำสั่ง คสช.หรือไม่นั้น พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า “ผมไม่รู้ อย่าไปพูดแบบนั้น ใจเย็นๆ อย่าไปชี้นำ ชอบชี้นำ เหมือนผมไม่ค่อยรู้เรื่อง พอผมอื้อๆ ก็ไปเลย ยาวเลย เรื่องชี้นำ ไม่ต้องเผื่อ เขาบอกว่าผู้สื่อข่าวชอบขุดหลุมให้เราเดิน แล้วเอาหญ้าปกไว้ ตกไปทั้งตัว พอรู้ตัวอีกทีไปอยู่ในหลุมแล้ว”
พร้อมกันนี้กล่าวว่า นักการเมืองที่ถูกเรียกมายังไม่ถึงการบังคับใช้กฎหมายอาญาหรือคำสั่ง คสช. ยังไม่ถึงให้เลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ยังไม่ถึงขนาดนั้น เอาแค่คุยกันให้รู้เรื่องก่อน เพราะอยู่ในขั้นตอนที่จะต้องปรองดองกันก่อน คุยกันให้รู้เรื่องทั้งประเทศก่อน จะได้เดินต่อไปในอนาคตได้