“เลขาฯก.พ.” ปัดเสนอ ครม.ขยายอายุเกษียณราชการจาก 60 ปีเป็น 65 ปี ระบุอยู่ข้างพิจารณาข้อดี-ข้อเสียเท่านั้น ติงสื่อเสนอข่าวคลาดเคลื่อน
เมื่อวันที่ 31 มีนาคม นายวิสูตร ประสิทธิ์ศิริวงศ์ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (สำนักงาน ก.พ.) เปิดเผยว่า การขยายอายุเกษียณเป็นเรื่องที่สํานักงาน ก.พ.ได้ศึกษามาตั้งแต่ปี 2551 สืบเนื่องจากการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างประชากรไปสู่สังคมสูงอายุที่มีแนวโน้มจะส่งผลกระทบต่อประเทศในหลาย ด้านซึ่งหน่วยงานต่างๆ ก็ได้มีการศึกษาเพื่อเตรียมความพร้อมรองรับผลกระทบที่จะเกิดขึ้นตัวอย่างเช่น สํานักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ กระทรวงการคลัง กระทรวงแรงงาน กระทรวงสาธารณสุข และสถาบันการศึกษา ต่างๆ สํานักงาน ก.พ. ในฐานะองค์กรกลางด้านการบริหารทรัพยากรบุคคลในราชการพลเรือน จึงได้ศึกษาเพื่อเตรียมความพร้อมรองรับผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นด้วยเช่นกัน โดยเฉพาะประเด็นปัญหาขาดแคลนคนวัยทํางานและภาระบําเหน็จบํานาญซึ่งมีแนวโน้มจะเพิ่มสูงขึ้น
นายวิสูตรกล่าวว่า แนวคิดในการจัดทําขอเสนอในเรื่องนี้มาจากผลการศึกษาซึ่งพบว่าการเปลี่ยนแปลง โครงสร้างประชากรไทยที่มีสัดส่วนของผู้สูงอายุเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วจะทําให้ภาระค่าใช้จ่ายด้าน สวัสดิการสังคมสูงขึ้นอย่างมาก และมีผลทําให้ประชากรวัยทํางานต้องแบกรับภาระในการดูแลผูสูงอายุและเด็กมากขึ้น ซึ่งในอนาคตประชากรวัยแรงงานของไทยมีแนวโน้มที่จะลดลงอย่างต่อเนื่อง ทําให้ฐานกําลังคนในวัยทํางานที่จะเกื้อหนุนผู้สูงอายุลดลง และจะส่งผลต่อการพัฒนาประเทศ ในเมื่อคนไทยมีอายุยืนยาวขึ้นและมีสุขภาพดีขึ้น จึงเห็นควรเสนอพิจารณาทบทวนระยะเวลาการจ้างงานเพื่อให้ผู้สูงอายุทํางานต่อไปอย่างเต็มศักยภาพ ซึ่งจะช่วยเพิ่มจํานวนคนทํางานและสนับสนุนให้ผู้สูงอายุพึ่งพาตัวเองได้มากขึ้นด้วย ส่วนภาระบําเหน็จบํานาญก็เป็นประเด็นสืบเนื่องที่พบว่ามีแนวโน้มจะเพิ่มสูงขึ้น อย่างมากตามจํานวนผู้เกษียณที่เพิ่มขึ้น ซึ่งอาจจําเป็นต้องขยายระยะเวลาการจ้างงานและปรับปรุง ระบบให้มั่นคงและสมดุลกับอายุขัยของคนไทยต่อไป
“จากกระแสข่าวที่ว่าสำนักงานก.พ.ได้เสนอต่อมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) ให้เลื่อนการเกษียณอายุราชการจาก 60 ปีเป็น 65 ปีนั้นขอเรียนว่าไม่ใช่การเผยแพร่ข้อมูลจากสํานักงานก.พ.โดยตรง เนื่องจากข้อเสนอยังอยู่ระหว่างกระบวนการพิจารณา และจากเนื้อหาของข่าวยังมีความคลาดเคลื่อนหลายประเด็น สําหรับข้อเสนอในเบื้องต้นเป็นการศึกษาเฉพาะข้าราชการฝ่ายพลเรือน โดยจะมีผลบังคับใช้กับใครอย่างไรบางนั้น เป็นประเด็นที่จะศึกษาและเสนอให้มีทางเลือกหลายทางเพื่อพิจารณา เปรียบเทียบผลดีผลเสีย ซึ่งทั้งหมดอยู่ระหว่างกระบวนการนําเสนอเพื่อพิจารณาในเบื้องต้นและยังต้อง มีการศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมอีกมาก จึงขออนุญาตไม่นําเสนอรายละเอียดในตอนนี้” นายวิสูตรกล่าว
นายวิสูตรกล่าวว่า สําหรับกระบวนการพิจารณาสํานักงาน ก.พ. ได้ทําหน้าที่ศึกษาและนําเสนอไปตามลําดับขั้นตอน ซึ่งครม.จะเป็นผู้พิจารณาในทายที่สุดว่าจะดําเนินการเรื่องนี้อย่างไร โดยในขั้นตอนแรก สํานักงาน ก.พ. ต้องนําเสนอคณะอนุกรรมการวิสามัญ (อ.ก.พ.) เพื่อพิจารณา กลั่นกรองก่อน แล้วจึงจะนําเสนอต่อก.พ. และ ครม.ตามลําดับ ขณะนี้ก็ได้มีการนําเสนอเรื่องนี้ เสนอต่อ อ.ก.พ. เพื่อพิจารณาแลว และ อ.ก.พ. มีมติว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่และส่งผลกระทบในวงกว้าง ดังนั้นเพื่อความรอบคอบ ให้นําเสนอก.พ. เพื่อข้อรับฟังความคิดเห็นเพิ่มเติมว่า ควรดําเนินการเรื่องนี้ต่อหรือไม่อย่างไร และควรศึกษาเพิ่มเติมในประเด็นใด
นายวิสูตรกล่าวว่า เนื่องจากเรื่องนี้มีประเด็นผลกระทบที่สําคัญ เช่น การจ้างแรงงานใหม่ การเลื่อนไหลของข้าราชการ ภาระงบประมาณ ความพอเพียงของรายได้จากบํานาญในการดํารงชีวิตหลังเกษียณ ซึ่งต้องศึกษารายละเอียดแนวทางดําเนินการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างรอบคอบ และหากมีการศึกษาและ จัดทํารายละเอียดเพิ่มเติมแล้ว ก็ต้องมีการนําเสนอต่อ.ก.พ. และ ก.พ. เพื่อพิจารณารายละเอียดของข้อเสนออีกหลายครั้ง รวมถึงต้องมีการแก้ไขกฎหมายซึ่งยังมีกระบวนการขั้นตอนอีกมาก ดังนั้นสําหรับกระแสข่าวที่ว่า สํานักงาน ก.พ.จะเตรียมเสนอ ครม. ขยายอายุเกษียณและแก้กฎหมายภายในเดือนเมษายนนี้จึงไม่เป็นความจริง และขอยืนยันว่ายังไม่มีการนําขอเสนอไปดําเนินการในเร็วๆ แน่นอน ส่วนการดําเนินการต่อไปเพื่อให้เป็นไปตามมติ อ.ก.พ. ข้างตน สํานักงาน ก.พ. ในฐานะฝ่ายเลขานุการก็จะนําเสนอ ก.พ. เพื่อขอรับฟังความคิดเห็นต่อไป
