สถานีคิดเลขที่ 12 : อนาคตใหม่ตรงไหน โดย สุวพงศ์ จั่นฝังเพ็ชร

ข่าวต่างประเทศ 2 ข่าว

ข่าวในประเทศ 1 ข่าว

ทำให้เกิด “จินตนาการ” ถึง “อนาคตใหม่” ได้อย่างมีสีสัน

ข่าวต่างประเทศแรก ต้องถือเป็น “ข่าวระดับโลก”

Advertisement

เมื่อประธานาธิบดีเกาหลีเหนือ คิม จอง อึน

เดินข้ามผ่านเส้นแบ่งเขตแดน เข้ามายังหมู่บ้านสันติภาพในฝั่งเกาหลีใต้ เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 27 เมษายน

จับมือทักทายประธานาธิบดี มุน แจ อิน เกาหลีใต้ ด้วยรอยยิ้ม

Advertisement

ถือเป็นนาทีประวัติศาสตร์ ที่ผู้นำเกาหลีเหนือคนแรกนับตั้งแต่สิ้นสุดสงครามคาบสมุทรเกาหลีเมื่อปี 1953 ที่เดินทางเข้ามาในเขตเกาหลีใต้

พร้อมปล่อย “มุข”

ขอโทษประธานาธิบดีมุนที่ทำให้ตื่นจากการนอนหลับ จากการทดสอบขีปนาวุธในปีที่ผ่านมา

“ทางเราจะไม่รบกวนการนอนหลับในช่วงเช้าของคุณอีกต่อไป”

จากนี้ ประธานาธิบดีคิมจะหารือกับประธานาธิบดีสหรัฐ โดนัลด์ ทรัมป์

ซึ่งคาดหวังว่า จะนำ “อนาคตใหม่ๆ” มาสู่ชาวโลก

ไม่ต้องกังวลปัญหานิวเคลียร์อีกต่อไป

แต่นั่นแหละก็คงต้องทำใจ

ด้วยสัมพันธภาพอันบอบบางที่เพิ่มเริ่มต้นขึ้นและพร้อมจะพังครืนลงได้ทุกเมื่อ

ข่าวต่างประเทศอีกชิ้น

เป็นเรื่องที่มาเลเซีย

ซึ่งมีเรื่อง “เหมือนและแตกต่าง” กับไทยอยู่หลายประเด็น

แตกต่างก็เช่น ขณะที่ไทยเรียกร้องให้นายกฯกำหนดวันเลือกตั้งให้ชัดๆ เสียที ไม่ใช่ “ยื้อ” ออกไปเรื่อยๆ

ตรงกันข้ามกับมาเลเซีย

คณะกรรมการการเลือกตั้งได้ประกาศจัดการเลือกตั้งทั่วไป ครั้งที่ 14 ในวันที่ 9 พฤษภาคม 2561

โดยเปิดลงทะเบียนผู้สมัครรับเลือกตั้งในวันที่ 28 เมษายน 2561 ที่ผ่านมา

นั่นหมายความว่าพรรคการเมืองต่างๆ มีเวลาหาเสียงเพียง 11 วัน

สร้างความไม่พอใจจากพันธมิตรฝ่ายค้าน ที่กล่าวหาว่านายกฯนาจิบ ราซัก และพันธมิตร เอาเปรียบ

เพราะเลือกตั้งแบบสายฟ้าแลบนี้ ใครจะเตรียมตัวทัน

ต่างกับไทยที่นอกจากเลือกตั้งช้าแล้ว ยังไม่ยอมให้หาเสียง หรือทำกิจกรรมอีก

อนึ่งโปรดสังเกตดูว่า เวลาเราพูดถึงรัฐบาลมาเลเซียและฝ่ายค้าน เราต้องพ่วงท้ายคำว่า “และพันธมิตร” เข้าไปด้วย

เพราะที่นั่นมีการจับคู่แบบพิสดาร

คือพรรครัฐบาล UMNO ได้หันไปจับมือกับพรรคฝ่ายค้านตลอดกาลอย่างพรรค PAS

ขณะที่คู่รักคู่แค้นที่ควรไม่เผาผีกัน กลับหันมาจับมือกัน

ระหว่าง นายมหาธีร์ มูฮัมหมัด อดีตนายกรัฐมนตรี กับ นายอันวาร์ อิบรอฮีม

เพื่อสู้รัฐบาล ในนาม Pakatan Harapan หรือแปลว่าพันธมิตรแห่งความหวัง

สะท้อน การเมือง ไม่มีมิตรแท้ และศัตรูถาวร อย่างชัดเจน

ซึ่งเมื่อย้อนกลับมาดูข่าวการเมืองไทยแล้ว ก็ไม่น่าแตกต่างกัน

คือคงไม่ใช่เฉพาะมาเลเซีย หากแต่น่าจะรวมถึงไทยด้วย ที่วันนี้ด่ากันสาดเสียเทเสีย

แต่ผ่านการเลือกตั้ง หันกลับมา “ดูดดื่ม” กันอย่างไม่มีอะไรเกิดขึ้น

กระนั้นไม่ใช่ข่าวในประเทศ 1 ข่าวที่ชี้ชวนให้อ่าน

แต่เป็นข่าวนี้

นั่นคือ การพบปะกันระหว่าง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า
คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)

กับวงเกิร์ลกรุ๊ปชื่อดัง BNK48 เมื่อวันที่ 24 เมษายน

การพบปะดังกล่าว มีการวิเคราะห์ว่าเป็นความพยายามของ พล.อ.ประยุทธ์ ที่จะเปิดท่อเข้าหาคนรุ่นใหม่ ซึ่งเป็น “อนาคตใหม่” ของชาติ

พล.อ.ประยุทธ์ชูศิลปิน BNK48 กลางทำเนียบ เป็นแรงบันดาลใจให้แก่เยาวชน คนรุ่นใหม่ ซึ่งก็คงไม่มีใครเห็นต่าง

เพียงแต่ตะขิดตะขวงใจ ด้วยเพราะ “ทำเนียบ” ที่ถูกใช้ชูคนรุ่นใหม่-อนาคตใหม่

ถูกพรรคฝ่ายค้านโจมตีว่าเป็นศูนย์ปฏิบัติการ ตั้งพรรคทหาร เพื่อ “ดูด-ตกเขียว” พรรค
การเมืองอื่น

ซึ่งเป็นวิถีดึกดำบรรพ์ ห่างไกลจาก BNK48 หลายสิบปี

ถึงนายกฯจะออกตัวว่านี่คือครรลองประชาธิปไตย เลยจะอุบอิบทำด้วย

ฟังแล้วขัดหู เพราะยังไงๆ ไม่ใช่อนาคตใหม่ แต่อย่างใด!

 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image