นับวันสถานการณ์ “การดูด” ยิ่งมีความแจ่มชัด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเมื่อ “ตัวละคร” สำคัญยังเป็นคนหน้าเดิม
ทุกอย่างเหมือนที่เคยเกิดขึ้นหลังเดือนพฤศจิกายน 2551
เพียงแต่ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ถูกตัดออกไปและยืนอยู่วงนอก
สถานะคล้ายกับสถานะ”พลังประชาชน”
ขณะที่กล่าวสำหรับสถานการณ์หลังเดือนพฤศจิกายน 2561 สถานะของ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นคน”วงใน” เป็นคนได้รับอานิสงส์จาก”ยุทธการ”
แต่ในเดือนเมษายน พฤษภาคม 2561 นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ถูกกันออกไป
และกำลังกลายเป็น”เป้าหมาย”ในการบ่อนเซาะ
มีความจำเป็นต้องนำเอาสถานการณ์การเชิญตัว”นักการเมือง”เข้าไปใน “ทำเนียบรัฐบาล”อย่างคึกคักในห้วงเดือนเมษายน
ประสานเข้ากับ “ครม.สัญจร”ที่ “บุรีรัมย์”
จำได้หรือไม่ว่าคล้อยหลังการยุบ”พรรคพลังประชาชน” ยุทธการ”ดูด”ก็เกิดขึ้น
ส่วนที่ถูกดูดคือที่กลายมาเป็น”ภูมิใจไทย”วันนี้
ขณะเดียวกัน นอกเหนือจากเปิดปฏิบัติการ”ช้างเหยียบนา พระยาเหยียบเมือง”ที่บุรีรัมย์ในอีกไม่กี่วันต้นเดือนพฤษภาคมแล้วลองพิจารณากระบวนการ”ดูด”ในเดือนเมษายน
มือจาก “ทำเนียบรัฐบาล”ที่ล้วงลงไปด้านหลักเป็นอดีตส.ส.ซึ่งมีบทบาทร่วมกับ “กปปส.”
ไม่ว่าจะเป็น นายสกลธี ภัททิยกุล
ไม่ว่าจะเป็น นายณัฎฐพล ทีปสุวรรณ ไม่ว่าจะเป็น นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์
แนบแน่นอย่างยิ่งกับ “ลุงกำนัน”
การก่อรูปของ”พันธมิตร”ครั้งใหม่เพื่อการสืบทอดอำนาจ”คสช.”โดยการชู พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี
จึงเท่ากับเป็นการฟื้น”แผน”หลังเดือนพฤศจิกายน 2551
เพียงแต่ตอนนั้นเปิดปฏิบัติการ”ดูด”จากอดีตพรรคพลังประชาชนเข้าไปผนวกรวมกับพรรคประชาธิปัตย์ เพื่อจัดตั้งรัฐ บาลอย่างที่เรียกว่า”รัฐบาลในค่ายทหาร”
เพียงแต่ตอนนี้ตัด นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ออกจากวงจร