“เสนาะ เทียนทอง” ชี้กติกาเป็นธรรม ฝ่าวิกฤตประเทศ
สัมภาษณ์พิเศษ
โดย นัฐวัฒน์ ดวงแก้ว
หมายเหตุ – นายเสนาะ เทียนทอง ประธานที่ปรึกษาพรรคเพื่อไทย (พท.) ให้สัมภาษณ์พิเศษ “มติชน” ถึงข้อห่วงใยสถานการณ์บ้านเมือง รวมถึงประเด็นการร่างรัฐธรรมนูญของคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) ที่อยู่ในช่วงก่อนทำประชามติ
– มองกระบวนการร่างรัฐธรรมนูญของคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) อย่างไร
ในอดีตที่ผ่านมาได้สัมผัสและทำงานกับทหารรุ่นเก่าที่ทำเพื่อบ้านเมือง และในฐานะที่เป็นคนชายแดนได้เห็นประเทศเพื่อนบ้านเกิดวิกฤตเรื่องการเมือง ทำให้เกิดกลียุค เกิดการฆ่ากัน ดังนั้น ด้วยความห่วงใยของผม ได้อธิษฐานขอให้อย่าเกิดเรื่องแบบนี้ที่บ้านเรา โดยรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2540 ทำให้เกิดความแตกแยก เช่นเรื่องตั้งองค์กรอิสระ ฝ่ายหนึ่งทำอะไรก็ได้ ฝ่ายหนึ่งทำอะไรไม่ได้ แค่นี้ก็เกิดความขัดแย้ง ซึ่งตอนนั้นได้ทักท้วงแล้วว่าจะเกิดปัญหาแต่ก็ไม่ฟังกัน ซึ่งก็เป็นไปตามที่ทักท้วง ต่อมารัฐธรรมนูญ พ.ศ.2550 เขียนไว้
ดังนั้นสิ่งที่เป็นห่วงคือการออกกติกาบ้านเมืองเป็นเรื่องใหญ่ ถ้ากติกาปกครองบ้านเมืองไม่เป็นธรรม ไม่เป็นธรรมกับทุกฝ่าย เอนเอียงไปข้างใดข้างหนึ่ง แน่นอนจะเกิดความแตกแยก เมื่อเริ่มต้นขึ้นเมื่อไรความรุนแรงจะค่อยๆ ทวีคูณ และถึงจุดระเบิด หากถึงจุดระเบิดเมื่อไรบ้านเมืองคงไม่มีเหลือ ดังนั้นกติกาปกครองบ้านเมืองจึงเป็นเรื่องที่สำคัญมาก ต่างชาติจะมองดูกฎหมายเป็นหลักประเทศไหนที่จะลงทุน ถ้าเป็นแบบนี้ใครจะมาลงทุน
สำหรับมุมมองร่างรัฐธรรมนูญฉบับนายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานคณะกรรมการการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) ผมมองว่า ผมรับไม่ได้เลย พูดตรงๆ นะยิ่งหนักกว่ารัฐธรรมนูญ 40 และ 50 รัฐธรรมนูญฉบับนี้คล้ายกฎหมายที่ออกมาสมัยปฏิรูปการปกครองแผ่นดิน พ.ศ.2519 และต่อมามีการเลือกตั้งก็ได้ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ เป็นนายกรัฐมนตรีคนนอก
ดังนั้น เมื่อลักษณะออกมาเป็นแบบนี้ใครจะกล้ามาเป็นนายกฯ คนที่มาเป็นนายกฯ ใครก็ไม่กล้ามาเป็น เพราะขึ้นมาเป็นก็มีเสียงอภิปรายไม่ไว้วางใจและถูกโหวตได้โดยสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ที่สรรหากันมา ถ้าเป็นแบบนี้ไม่ต้องมี ส.ส.เลยดีกว่า ถ้ามี ส.ว.โดยที่ไม่มีหลักเกณฑ์ให้ถูกต้อง ก็ยากต่อการควบคุม ยิ่งกว่าอีหรอบเดิมอีก ขนาดมีการเลือกตั้งมายังคุมไม่ได้ ยิ่งสรรหายิ่งจบเลย
ถ้าได้นายกฯจากคนนอกมานั้น จะทำอะไรกับบ้านเมืองก็ได้ ถ้าได้คนที่สรรหากันมาเอง จะไปเลือกตั้งกันทำไม ไม่ต้องเลือกตั้ง เลือกตั้งมาก็ไม่มีประโยชน์อะไร อย่างไรคนที่เลือกตั้งมาก็แพ้ จะออกความคิดเห็นอะไรถึงจะถูก จะดีอย่างไรก็ไม่มีประโยชน์ คสช.สามารถ ใช้มาตรา 44 เอาใครขึ้นมาเป็นนายกฯก็ได้ ถ้าท่านเบื่อก็เปลี่ยนเอาใครมาเป็นนายกฯ ยังดูดีกว่าเลือกตั้ง ถ้ากติกายังไม่ดีเลือกตั้งมายิ่งหนัก ไม่ต้องทำอะไรกันหรอกจะมัวแต่ไปทะเลาะกัน
– เนื้อหาร่างรัฐธรรมนูญฉบับกรธ.ก่อนทำประชามติ เป็นอย่างไร
เท่าที่ดูรัฐธรรมนูญไม่เป็นประชาธิปไตย และคนร่างรัฐธรรมนูญก็หน้าเดิมๆ รัฐธรรมนูญเป็นกฎหมายสำคัญของประเทศเพราะเป็นกติกาของการอยู่ร่วมกันโดยเฉพาะประเทศประชาธิปไตย เมื่อเป็นกติกาในการปกครองบ้านเมืองจึงสำคัญที่สุด ซึ่งการเขียนรัฐธรรมนูญฉบับนี้ผมรับได้ยาก ที่สำคัญยากต่อการนำมาใช้เพราะสร้างความแตกแยก ผมคงจะรับเรื่องนี้ไม่ได้ใครจะรับผิดชอบต่อเรื่องนี้ ผมไม่ได้ว่าฝ่ายรัฐบาล เพราะรัฐบาลมีหน้าที่ให้คนไปร่างเมื่อออกมาได้แค่นี้แล้วนายกฯจะนำไปลงประชามติหรือไม่ต้องตรวจสอบให้ดีถ้ารัฐบาลนำกฎหมายใหญ่ๆ ไปลงประชามติแล้วไม่ผ่านตามมารยาทแล้วรัฐบาลต้องพิจารณาตนเอง ถ้าตัดสินใจไม่ดีแล้วไม่ผ่าน เหมือนนำกฎหมายเข้าสภาแล้วไม่ผ่าน แต่การลงประชามติยิ่งกว่าเสียอีกเพราะเป็นการขอความเห็นประชาชน ดังนั้น อยากให้ประชาชนดูให้ดีในการลงประชามติ
– มีข้อห่วงใยต่อรัฐบาลและ คสช.หรือไม่
เราไม่อยากจะไปขัดแย้งกับรัฐบาลและคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) แต่สิ่งที่น่าเป็นห่วง เช่น เรื่องคําสั่งหัวหน้า คสช. ที่ 13/2559 เรื่อง การป้องกันและปราบปรามการกระทําความผิดบางประการที่เป็นภยันตราย ต่อความสงบเรียบร้อยหรือบ่อนทําลายระบบเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ คิดว่า พล.อ.ประยุทธ์ไม่ใช่เป็นคนแบบนี้แต่ว่า อาจคิดว่าลูกน้องก็ดีหรือใครก็ดี จะมีจิตใจเหมือนกับตนเอง แต่ถ้าหากให้อำนาจลูกน้องตามคำสั่งนี้จะควบคุมไม่อยู่ ควบคุมไม่ได้ อาจมีคนแปลกปลอมถือโอกาสเอาอำนาจตรงนี้ไปใช้จะเกิดความปั่นป่วนในบ้านเมือง ขนาดควบคุมกันแบบปัจจุบันยังแทบควบคุมไม่อยู่ และคนที่ต้องรับผิดชอบคือคนที่ประกาศใช้
นายกฯคงคิดว่าทุกคนคงมีจิตใจที่ดีแบบตัวท่าน แต่การออกคำสั่งแบบนี้เป็นไปไม่ได้และสุ่มเสี่ยงที่จะควบคุมไม่อยู่แน่นอน เป็นการให้อำนาจต่อคนจำนวนมาก อำนาจที่ใช้แบบฟุ่มเฟือย จะไปรู้หรือว่า ถ้าคนที่ได้รับอำนาจไปถ้าเกลียดใครสามารถทำอะไรได้ทั้งนั้น สามารถกลั่นแกล้งใครก็ได้ อีกทั้งไม่ได้ฝึกอบรมบุคลากรและไม่มีมาตรการควบคุม จะเอาใครเป็นผู้ควบคุมลูกน้อง ไม่สมควรอย่างยิ่งที่ออกประกาศคำสั่งแบบนี้ แบบนี้เสี่ยงที่จะเกิดความวุ่นวายแน่นอน
– ข้อเสนอต่อรัฐบาลและ คสช.
ส่วนที่อยากแนะนำ ผู้บริหารประเทศ นั้นอยากให้แก้ระบบหลายอย่าง เรื่องข้าราชการกับผู้บริหารแต่ละกระทรวง เหมือนกับว่า ทหารมาเป็นรัฐมนตรีไม่ได้สัมผัสประชาชนว่าเขาเดือดร้อนอะไร เช่น เกิดภัยแล้งขึ้นมาก็มาบอกให้เกษตรกรเปลี่ยนอาชีพ ทำไมเกษตรกรทำแล้วขาดทุน จะพูดแบบนี้ไม่ได้ประเทศชาติพังพินาศ ต้องดูว่าประเทศไทยเรามีอะไรที่เป็นอาชีพหลักจริงๆ ของประเทศ คือ เกษตรกร และขาดไม่ได้คือน้ำ เรามัวแต่จะไปสร้างรถไฟความเร็วสูง สร้างระบบคมนาคม แต่เราไม่ได้มองดูว่าความพร้อมกำลังซื้อมีมากน้อยแค่ไหน เพราะทุกอย่างต้องเอาเรื่องปากเรื่องท้องเป็นหลักไว้ก่อน
ถามว่าเราเคยพัฒนาเรื่องน้ำหรือไม่ มีแต่พูดกันไปเฉยๆ แบบนั้น น้ำแห้งแบบปัจจุบันต้องถือโอกาสขุดให้ลึก สมัยก่อนต้นน้ำลำธารไหลทั้งปี เพราะระบบนิเวศสมบูรณ์ ซึ่งไม่ใช่เกิดขึ้นเองมีแหล่งน้ำ แต่เดี๋ยวนี้ระบบนิเวศพัง ต้นน้ำคือที่ไหนยังไม้รู้เลย พูดแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ ปลายน้ำ คำว่าต้นน้ำจะเอา 25 ลุ่มมาเป็นต้นน้ำแบบนี้ มันไม่ใช่ เพราะต้นน้ำคือฝนตกตรงนี้และไหลไปรวมกันกลายเป็นแควเล็ก หลายๆ แควไหลไปรวมกันเป็นแควใหญ่ นี่คือภูมิศาสตร์ที่เรียกว่าต้นน้ำ
แต่เดี๋ยวนี้ฝนตกตรงนี้แต่ไม่ไหลไปรวมกันเพราะติดถนนจึงไปคนละทิศทาง ทำให้ต้นน้ำพังไปหมดเหลืออย่างเดียวคือเราต้องขุด และทำแก้มลิงใหญ่เราต้องขุดให้ลึก มีน้ำต้นทุน มีแหล่งน้ำที่ไหลทั้งปี เดี๋ยวนี้น้ำไม่ไหลก็ต้องทำเป็นฝายเก็บน้ำไว้เป็นขั้นบันได ขยายและขุดให้ลึกเป็นขั้นเป็นขั้น เพื่อให้ชดเชยระบบนิเวศ
น้ำธรรมชาติที่อยู่ในห้วยในหนองหายไม่ต่ำกว่า 2 เมตร เหลือไม่ถึงเมตรถูกแดดเผาไม่ถึงเดือนก็แห้งหมด
นี่คือหัวใจ อย่าว่าแต่ทำการเกษตรแม้แต่จะใช้บริโภคก็จะไม่มี น้ำกินไม่มี
ทั้งนี้ ถ้าเราพูดกันจริงๆ ฝนก็ตกตามธรรมชาติ หน้าแล้งคือหน้าแล้งถ้าเราพูดกันจริงๆ ที่มาพูดฝนไม่ตก ฝนมันก็ตกตามฤดูกาล เพียงแต่ที่เก็บน้ำมันตื้นเขินหมด ไม่เคยคิดที่จะพัฒนากัน ดังนั้นจะต้องขุดแหล่งเก็บน้ำให้ได้มาตรฐานของประเทศ ไม่ใช้แค่ลอกอย่างเดียว ต้องขุดคลองใหม่ให้ลึก เอาโคลนออกขุดให้ลึกกว่าเก่าถูกแดดจะได้ไม่แห้ง ถ้าจะให้พูดกันสมัยก่อนที่ จ.สระแก้ว สมัย พล.อ.ประยุทธ์ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เคยดำรงตำแหน่งในพื้นที่นี้มา แต่ก่อนมีน้ำไหลทั้งปี แต่เดี๋ยวนี้แควต้นน้ำบางปะกงไม่ไหล เพราะตื้นเขินหมด อยากให้ท่านไปดู ดังนั้นต้องไปพัฒนาแหล่งธรรมชาติเพื่อทดแทน วันนี้ขุดจริงหรือไม่มีแต่ข่าว และรัฐมนตรีไม่เคยเหยียบดิน ไม่ได้สัมผัสพื้นที่โดยแท้จริง
ในฐานะที่เป็นอดีตประธานน้ำแห่งชาติ ทั้งพรรคเพื่อไทยและพรรคประชาธิปัตย์ได้พูดว่าทำไมไม่ทำแบบผม ผมเคยทำที่ จ.สระแก้วทำให้เห็น บริหารจัดการน้ำอย่างไรในพื้นที่ ดังนั้นอาชีพหลักของประเทศไทยคือการเกษตรเท่านั้น การเกษตรเราจะเปลี่ยนไม่ได้ เรามีวัตถุดิบการเกษตรส่งไปต่างประเทศไม่ใช่พึ่งพาแต่การส่งออกข้าวเพียงอย่างเดียว ยังมีการส่งออกเนื้อสัตว์ทั้งหมู เห็ด เป็ด ไก่ กุ้ง เพราะฉะนั้นเราต้องหาวัตถุดิบทางการเกษตรที่นำมาเป็นอาหารเลี้ยงสัตว์ด้วย