‘เพื่อไทย’ จี้นายกฯเอาผิด บ.ระบายข้าวเอาข้าวประมูลอาหารสัตว์ ขายเป็นข้าวคนกิน

“เพื่อไทย” จี้นายกฯ เอาผิดบริษัทระบายข้าวแบบเวียนเทียนเอาข้าวประมูลเพื่อทำอาหารสัตว์ มาขายเป็นอาหารคน บอก 16 พ.ค.นี้ จะไปยื่นเรื่องให้อธิบดีดีเอสไอ

เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 14 พฤษภาคม ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และประธานคณะทำงานตรวจสอบการระบายข้าวพรรค พท. พร้อมด้วยนายสุรสาล ผาสุข ส.ส.สิงห์บุรี พรรค พท. แถลงเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีจัดการกับการทุจริตในการระบายข้าวซึ่งมีการเวียนเทียนนำข้าวซึ่งซื้อมาเพื่อผลิตอาหารสัตว์ไปขายต่อเป็นอาหารคน โดยนายสุรสาลกล่าวว่า ตามที่คณะกรรมการตรวจสอบการระบายข้าวได้ออกมาเปิดประเด็นความไม่โปร่งใสในการระบายข้าวของรัฐบาลจากอาหารคนกินไปสู่อุตสาหกรรมที่ไม่ใช่คนบริโภคนั้น จากข้อมูลเดิม บริษัท วี.ซี.เอฟ.กรุ๊ป จำกัด ซื้อข้าวจำนวนทั้งหมด 757,293.61 ตัน โดยซื้อจากคลัง อคส. จำนวน 35 โกดัง หรือ 515,848.81 ตัน และซื้อจากคลังของ อ.ต.ก. จำนวน 16 โกดัง หรือ 241,451.79 ตัน โดยเป็นการนำข้าวมาจาก 24 จังหวัดแล้วนำมาเก็บและผลิตอาหารสัตว์ในโรงงานแห่งนี้ที่เดียว ซึ่งจากข้อมูลของสำนักงานพาณิชย์จังหวัดราชบุรี โรงงานดังกล่าวมีกำลังการผลิตวันละ 350 ตัน ในเวลาหนึ่งปีจะต้องใช้ปลายข้าวทั้งหมด 30,890 ตัน ดังนั้น บริษัท วี.ซี.เอฟ.กรุ๊ป จำกัด ซื้อข้าวมาทั้งสิ้น 757,293.79 ตัน จะต้องใช้เวลาในการผลิตทั้งหมด 25 ปี ซึ่งคงเป็นไปไม่ได้เพราะข้าวคงเน่าเสียเสียก่อน ในเมื่อโรงงานดังกล่าวซื้อข้าวไปเยอะมากมายขนาดนี้แล้ว โรงงานจะนำข้าวไปขายต่อให้โรงงานอาหารสัตว์อื่นๆ หรือโรงงานในเครือข่ายหรือไม่ อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 9 พฤษภาคมที่ผ่านมา พล.ต.อ.เดชณรงค์ สุทธิชาญบัญชา รอง ผบ.ตร. ในฐานะประธานคณะกรรมการตรวจสอบการปฏิบัติตามสัญญาซื้อข้าวในสต๊อกของรัฐบาลได้ลงพื้นที่และตรวจสอบ พบว่าบริษัทดังกล่าวรับมอบข้าว 324,000 ตัน จ่ายออกปรับปรุงเพื่อขาย 99,800 ตัน ผลิตอาหารสัตว์ 195,000 ตัน คงเหลือข้าว 29,000 ตัน ซึ่งการนำเข้าจำนวน 99,800 ตัน ไปปรับปรุงเพื่อขายแสดงว่าข้าวจำนวนดังกล่าวเป็นข้าวที่คนบริโภค ไม่ใช่ข้าวที่นำไปทำเป็นอาหารสัตว์

นายสุรสาลกล่าวอีกว่า สำหรับสัญญาซื้อขายผู้ซื้อจะต้องนำเข้าสารตามสัญญาเข้าสู่ระบบอุตสาหกรรมโดยจัดทำแปรรูป หรือทำเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่เท่านั้น (อาหารสัตว์) และจะต้องไม่นำข่าวสารดังกล่าวเข้าสู่ระบบการตลาดและการค้าข้าวปกติเพื่อการบริโภคทุกรูปแบบ นอกจากนี้ ผู้ซื้อต้องยินยอมให้ผู้ขายทำการติดตั้งกล้องวงจรปิดเพื่อให้ผู้ขายสามารถบันทึกภาพความเคลื่อนไหวของการขนย้าย การเก็บสินค้า และการนำเข้าสู่กระบวนการผลิตภายในโรงงานอุตสากรรมได้อย่างชัดเจน สรุปคือ ผู้ซื้อไม่สามารถนำข้าวไปขายต่อให้โรงงานอาหารสัตว์อื่นๆ หรือโรงงานในเครือข่ายได้ เพราะไม่ใช่คู่สัญญากับผู้ขาย (รัฐบาล) และถ้าผู้ซื้อทำผิดสัญญา ผู้ซื้อจะต้องจ่ายค่าปรับร้อยละ 25 และถูกดำเนินคดีแพ่งและอาญา รวมถึงกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง

“ นายกฯ ในฐานะประธาน นบข. จะจัดการกับเรื่องการทุจริตในการระบายข้าวโดยมีการเวียนเทียนนำข้าวที่ไม่ได้ประมูลเพื่อไปผลิตเป็นอาหารสัตว์นำมาเวียนเทียนขายเป็นอาหารคนกินอย่างไร เพราะหลักฐานชัดเจนทุกอย่างแล้ว และคนที่ไปจับกุมก็เป็นคณะกรรมการที่ยกตั้งขึ้นมาเอง นอกจากนี้ มาตรการต่างๆ ที่กรมการค้าต่างประเทศได้แถลงข่าวชี้แจงมา ไม่ว่าจะเป็นมาตรการเข้มงวดในการขนย้ายตั้งแต่ต้นถึงปลายทาง การติดตั้งกล้องวงจรปิดควบคุมที่โรงงานของผู้ซื้อ ทางฝ่ายผู้ขายเคยดำเนินการตรวจสอบบ้างหรือไม่” นายสุรสาลกล่าว

Advertisement

ด้านนายยุทธพงษ์กล่าวว่า ทุกรัฐบาลที่ผ่านมายกเว้นรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ไม่เคยมีรัฐบาลไหนมีการระบายข้าวแยกประเภทเป็นอาหารคน อาหารสัตว์ พลังงาน เพราะการระบายข้าวโดยการแยกประเภทแบบนี้จะนำไปสู่การทุจริต นำข้าวที่ประมูลซื้อจากรัฐบาลมาในราคาถูกมาเวียนเทียนขายเป็นอาหารคนในราคาแพง แต่ล็อกสเปกให้เฉพาะบริษัทอาหารสัตว์เท่านั้นที่จะประมูลได้ ซึ่งตั้งแต่รัฐบาลนี้เข้ามาบริหารประเทศราคาข้าวก็ไม่ดีเลย ดังนั้น ทางคณะทำงานฯ จะรวบรวมเอกสารไปยื่นกับอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ให้มาตรวจสอบเรื่องดังกล่าว เพราะที่ผ่านมาไร้ความคืบหน้า

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image