ชัยชนะอย่างชนิดล็อกถล่มของ นายมหาเธร์ โมฮัมหมัด ในทาง การเมืองที่มาเลเซีย ก่อให้เกิดนัยประหวัดถึงปูชนียบุคคลผู้อาวุโส 2 คนในทางการเมืองของไทย
1 พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์
1 นายชวน หลีกภัย
กล่าวสำหรับ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ถือได้ว่าท่านหลุดพ้น ไปจากวงจรการเมืองแล้วโดยสิ้นเชิงทั้งโดยตำแหน่งประธานองคมนตรี
และตำแหน่ง “รัฐบุรุษ”
จึงเหลือเพียงชื่อ นายชวน หลีกภัย ประธานที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ ที่ได้รับการกล่าวถึงอย่างคึกคักหนักแน่น
ในเส้นทางแบบ นายมหาเธร์ โมฮัมหมัด
กล่าวในแง่รากฐานเดิมในทางการเมืองคะแนนและความนิยมถือ ว่า นายชวน หลีกภัย มีความเหมาะสม
เพราะเป็นนักการเมืองที่ผ่านการเลือกตั้งตั้งแต่ปี 2512
เพราะเป็นนักการเมืองที่ไต่เต้าจากสมาชิกพรรคธรรมดา กระทั่งดำรงตำแหน่งเป็นหัวหน้าพรรค
ทั้งยังได้เป็นนายกรัฐมนตรีถึง 2 หน
แต่ความยากลำบากอย่างยิ่งสำหรับ นายชวน หลีกภัย ที่จะเดินตามแนวของ นายมหาเธร์ โมฮัมหมัด อยู่ที่การสร้างแนวร่วมในทางการเมือง
ชัยชนะของ นายมหาเธร์ โมฮัมหมัด อยู่บนฐานความร่วมมือ กับปรปักษ์ในอดีต นั่นคือ นายอันวาร์ อิมราฮิม
คำถามก็คือ นายชวน หลีกภัย ทำได้หรือไม่
โอกาสของ นายชวน หลีกภัย จะเกิดขึ้นได้ก็ด้วยการจับมือกับพรรคเพื่อไทยซึ่งเป็นพรรคอันดับ 1 เท่านั้น
หากด่านนี้ นายชวน หลีกภัย ทำได้ก็สำเร็จ
ความสำเร็จในที่นี้มิได้หมายความว่า นายชวน หลีกภัย จะต้องยอมรับต่อความเป็นจริงที่พรรคเพื่อไทยมีชัยเหนือพรรคประชาธิ ปัตย์เท่านั้น
หากแต่ยังต้องยอมรับฐานอันแข็งแกร่งซึ่งทำให้พรรคเพื่อไทยได้ชัยชนะอย่างต่อเนื่อง คือ สิ่งที่เรียกว่า “ระบอบทักษิณ”
หากยอมรับ”ระบอบทักษิณ”โอกาสย่อมเป็นของ นายชวน หลีกภัย ในวัย 79 แน่นอน