นายทะเบียนพรรคตีกลับ ‘พรรคประชาชนปฏิรูป’ พบสมาชิกไม่ลงรายชื่อ-มีชื่อซ้ำซ้อน

นายทะเบียนพรรคการเมือง ตีกลับ ”พรรคประชาชนปฏิรูป” ไปแก้เอกสารขอยื่นตั้งพรรคใหม่ เหตุเอกสารไม่สมบูรณ์พบไม่ลงรายชื่อ – เป็นสมาชิกพรรคซ้ำซ้อน “จรุงวิทย์” มั่นใจเร่งตั้งพรรคได้ทันการเลือกตั้งต้นปีหน้า เตือนพรรคเก่าส่งรายงานยอดสมาชิกพรรคสิ้นเดือนนี้

เมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) พ.ต.อ.จรุงวิทย์ ภุมมา เลขาธิการ กกต. ในฐานะนายทะเบียนพรรคการเมือง เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม พรรคประชาชนปฏิรูปของนายไพบูลย์ นิติตะวัน ได้มาขอถอนเรื่องการยื่นขอจดจัดตั้งพรรคกลับไปดำเนินการในเรื่องเอกสารให้ถูกต้อง ตามที่ กกต.ได้แจ้งไป เนื่องจากหลังการยื่นขอจัดตั้งพรรคเมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม เจ้าหน้าที่ได้ตรวจเอกสารของผู้ร่วมก่อตั้ง 1,441 คน แล้วพบว่า มีจำนวนมากที่เอกสารไม่สมบูรณ์ เช่น ไม่มีลายเซ็นผู้ร่วมก่อตั้ง หรือผู้ร่วมก่อตั้งบางคนก็ยังมีชื่อเป็นสมาชิกพรรคการเมืองอื่นอยู่ จึงประสานทางพรรคว่าควรนำกลับไปแก้ไขให้ถูกต้อง ดีกว่าที่นายทะเบียนพรรคการเมืองจะออกเป็นคำสั่งแจ้งให้แก้ไข เพราะจะนำไปสู่เงื่อนไขของกรอบเวลา ซึ่งการแก้ไขทางพรรคก็ไม่ต้องกลับไปจัดประชุมใหม่ เพียงแต่แก้ไขเอกสารทางธุรการให้ถูกต้องสมบูรณ์เท่านั้น โดยกรณีนี้ยังไม่ถือว่ามีอะไรที่ผิดกฎหมายการจัดตั้งพรรคการเมือง

พ.ต.อ.จรุงวิทย์กล่าวต่อว่า ส่วนการยื่นขอจดจัดตั้งพรรคการเมืองอื่น ขณะนี้มี 4 พรรคที่ยื่นขอจดจัดตั้งเข้ามาคือพรรคทางเลือกใหม่ พรรคมติประชา พรรคประชาภิวัฒน์ และพรรครวมใจไทย อยู่ระหว่างนายทะเบียนประสานไปยัง 15 หน่วยงานในการตรวจสอบคุณสมบัติ 19 รายการของผู้ร่วมก่อตั้ง ซึ่งก็พยายามเร่งรัดอยู่ เช่นเดียวกับการพิจารณาออกหนังสือรับแจ้งการเตรียมการจัดตั้งพรรคการเมือง หรือแบบ พ.ก. 7/2 ให้กับกลุ่มการเมืองที่มายื่นจัดตั้งพรรคการเมืองใหม่ขณะนี้นายทะเบียนก็ออกแบบ พ.ก. 7/2 ให้กับกลุ่มการเมืองไปแล้วประมาณ 50 กลุ่มการเมือง โดยหากทุกพรรคมีการเตรียมทุกอย่างไว้ให้พร้อมก็เชื่อว่าการดำเนินการจัดตั้งพรรคก็จะเป็นได้เร็วและทันหากจะมีการเลือกตั้งในช่วงต้นปี 2562 ตามที่นายกรัฐมนตรีระบุไว้

นายทะเบียนพรรคกล่าวอีกว่า ส่วนการรายงานจำนวนสมาชิกพรรคของพรรคการเมืองเดิมที่มีอยู่ซึ่งต้องรายงานมายังนายทะเบียนพรรคการเมืองภายในสิ้นเดือนพฤษภาคมนี้ หลังเปิดโอกาสให้ตรวจสอบ 30 วัน ขณะนี้ยังไม่มีพรรคใดรายงานเข้ามา เพราะยังมีเวลาอยู่ แต่เมื่อครบกำหนดเวลาทุกพรรคการเมืองจะต้องรายงานเข้ามาแม้กฎหมายจะไม่มีบทลงโทษหากไม่รายงาน แต่ก็เป็นเรื่องที่พรรคต้องดำเนินการตามคำสั่ง คสช. 53/2560

Advertisement

ทั้งนี้ พ.ต.อ.จรุงวิทย์กล่าวถึงการได้รับแต่งตั้งเป็นเลขาธิการ กกต.ว่า มั่นใจว่าจะสามารถปฏิบัติงานที่ได้รับมอบหมายได้ เชื่อว่าทำได้ และจะตั้งใจทำอย่างเต็มที่ เพราะตอนเป็นรองเลขาธิการ กกต.ก็ได้รับการแต่งตั้งเป็นสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ประกอบกับยังเป็นตัวแทนสำนักงานไปร่วมร่างกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ ดังนั้น จึงเข้าใจในเรื่องต่างๆ รวมทั้งหน้าที่ได้เป็นอย่างดี น่าจะนำมาใช้ในการปฏิบัติหน้าที่

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image