สยบกระแส คสช. ยืดเกษียณ 65 ก่อนกองทัพระส่ำ อ่านใจ “บิ๊กตู่-บิ๊กป้อม” ใครนั่งแป้น ผบ.ทบ.

พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท (ซ้าย) และ พล.อ.พิสิทธิ์ สิทธิสาร (ขวา)

สยบกระแส คสช. ยืดเกษียณ 65 ก่อนกองทัพระส่ำ อ่านใจ “บิ๊กตู่-บิ๊กป้อม” ใครนั่งแป้น ผบ.ทบ. ดูตัวขุนพล 20-22-24 ช่วงเปลี่ยนผ่าน

กลายเป็นที่ฮือฮา และกลายเป็นที่หวั่นไหวกันไม่น้อย เมื่อครั้งที่มีข่าวสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) เสนอให้ขยายอายุเกษียณราชการ จาก 60 เป็น 65 ปี หรืออาจถึง 70 ปีด้วยซ้ำ

ด้วยเพราะไปตรงกับข่าวลือที่เคยสะพัด หลังการรัฐประหารใหม่ๆ…

แต่ด้วยเพราะเวลานั้น บิ๊กตู่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี หัวหน้า คสช. และ ผบ.ทบ. ไม่ต้องการให้ถูกโจมตีว่า หวังจะต่ออายุให้ตนเอง ที่จะเกษียณราชการในกันยายน 2557 เรื่องนี้จึงเงียบไป

แต่กระแสข่าวในหมู่สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) สายทหาร สะพัดออกมาเสมอว่า อีกไม่นาน จะมีการยืดอายุเกษียณราชการ เป็นอายุ 65 ปีแน่ รอจังหวะที่เหมาะสมเท่านั้น

Advertisement

เมื่อเรื่องนี้กลับมาอีกครั้ง จึงทำให้เกิดความหวั่นไหวอย่างยิ่งในหมู่ข้าราชการ พลเรือน หรือแม้แต่ทหาร เพราะคนที่ใกล้จะเกษียณ แต่ไม่อยากเกษียณ ก็คงจะพอใจ แต่คนที่จ่อเตรียมจะขึ้นตำแหน่งสำคัญในแต่ละกระทรวง ทบวง กรม ก็จะไม่แฮปปี้ เพราะรุ่นพี่ๆ ไม่เกษียณสักที ต้องร้องเพลงรอกันไปอีก

เพราะตาม พ.ร.บ.บำเหน็จบำนาญข้าราชการ พ.ศ.2494 นั้น การนับปีเกษียณอายุราชการที่ 60 ปีบริบูรณ์นั้น ก็รวมถึงทหาร ซึ่งก็เป็นข้าราชการในสังกัดกระทรวงกลาโหมด้วย เพราะทหารก็ยึดตาม พ.ร.บ. ฉบับนี้

นี่จึงถูกมองว่า เป็นปฏิบัติการ ขว้างหินถามทาง เกิดขึ้นอีกครั้ง…

Advertisement

ในยุครัฐบาลทหาร ยุครัฐบาลจากการรัฐประหาร ที่มักจะใช้คำว่า สถานการณ์ไม่ปกติ เช่นนี้ อะไรก็เกิดขึ้นได้ จึงกลายเป็นเรื่องใหญ่ ที่ทำให้ทหารในกองทัพ คิดกันไปไกล แบบที่เรียกว่า คิดมาก หรือ มโน กันไปต่างๆ นานา

จนทำให้ถูกจับตามองว่า นี่เป็นอีกหนทางหนึ่งของ คสช. ในการทำให้บรรดาข้าราชการ ที่เป็นหัวหน้าส่วนราชการในเวลานี้ ในตำแหน่งหลักๆ รวมทั้งทหาร แม่ทัพนายกอง ผบ.เหล่าทัพ อยู่กันต่อ เพื่อให้สถานการณ์นิ่ง เพื่อรองรับการเลือกตั้ง และช่วงเวลาเปลี่ยนผ่าน 5 ปีของ คสช. ตามที่กำหนดไว้ในบทเฉพาะกาลของร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้พอดี

อย่าลืมว่า ตอนนี้มี บิ๊กหมู พล.อ.ธีรชัย นาควานิช เป็น ผบ.ทบ. และเลขาธิการ คสช. ซึ่งเป็นที่ไว้วางใจของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ แต่จะเกษียณราชการกันยายน 2559 นี้แล้ว

และยังมี บิ๊กติ๊ก พล.อ.ปรีชา จันทร์โอชา น้องชายนายกฯ เป็นปลัดกลาโหม ที่ก็จะเกษียณราชการกันยายนนี้เช่นกัน

ส่วนคนที่จะเกษียณกันยายนนี้ รวมทั้ง บิ๊กเต้ พล.อ.สมหมาย เกาฏีระ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด และ พล.อ.อ.ตรีทศ สนแจ้ง ผบ.ทอ. คงเหลือ บิ๊กณะ พล.ร.อ.ณะ อารีนิจ ผบ.ทร. ที่เกษียณกันยายน 2560

แน่นอนว่า ฝ่ายข้าราชการ ย่อมเห็นด้วย และคัดค้าน ที่มองว่าคนอายุ 60 ควรจะพักผ่อน แล้วให้คนรุ่นถัดๆ ไปขยับขึ้นมาทำงานแทน โดยเฉพาะการถูกมองว่ามีวาระซ่อนเร้น และหวังผลทางการเมืองของฝ่ายทหาร ฝ่าย คสช. มากกว่า เพราะกับเวลาที่เหลืออีก 6 เดือนนั้น เพียงพอในการแก้ไข พ.ร.บ. ฉบับนี้

แต่ บิ๊กป้อม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม พี่ใหญ่ใน คสช. โดยออกตัวว่า ไม่เคยได้ยินมาก่อน

“แล้วคนที่อายุ 59 รอจะขึ้นต่ออยู่ตอนนี้ จะทำยังไงเล่า” บิ๊กป้อม เปรย เพราะหากจะทำ จะต้องค่อยๆ ทำไป เช่น กำหนดเป็นระยะ เช่น อายุ 61-62-63 ค่อยๆ ทำไป ไม่ใช่มาทำทีเดียว 65 เลย

นั่นหมายถึง ข้าราชการที่จะเกษียณอายุ 60 ก็ให้ยืดไปเกษียณราชการที่อายุ 61 ปี ส่วนคนที่จะเกษียณ 2560 ก็ยืดไปเกษียณ 2561 คนที่จะเกษียณ 2562 ก็ยืดไปเกษียณ 2563 ประมาณนี้

แต่ในที่สุด บิ๊กตู่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. ก็สยบทุกกระแสข่าวลือ และความหวาดหวั่น ด้วยการยืนยันว่า ไม่เห็นด้วยกับการยืดอายุการเกษียณราชการ

“วันนี้ คนยังแน่นไม่พอหรือไง” นายกฯ กล่าว พร้อมยืนยันว่า จะไม่พิจารณาและไม่ต้องเสนอขึ้นมาถึงตนเอง

ขณะที่ นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ที่ดูแลเรื่องกฎหมาย มองว่า จะต้องใช้เวลาในการศึกษาข้อดีข้อเสียอีกนาน ไม่มีแผนในการนำเสนอต่อ ครม. ในเร็วๆ นี้แน่ ยันต้องมองทั้งระบบราชการ และงบประมาณ ความได้เปรียบเสียเปรียบ ถือเป็นการปฏิรูประบบราชการขนานใหญ่เลยทีเดียว

จึงน่าจะทำให้ความหวั่นไหวปกคลุมกองทัพ สิ้นสุดลงไปด้วย…

ไม่เช่นนั้น ประเด็นนี้ กำลังถูกนำไปขยายผล ขยายความ และคิดกันไปไกล ผูกโยงกับเรื่องการจัดวางตัวนายทหารในกองทัพ ของ คสช. เลยทีเดียว

เพราะการแต่งตั้งโยกย้ายทหาร 21 มีนาคม 2559 ที่ผ่านมานั้น ก็ยังคงเป็นที่วิจารณ์กันว่า เพราะเหตุใด พล.อ.ประวิตร และ พล.อ.ประยุทธ์ จึงยังไม่รีบดัน บิ๊กเข้ พล.ท.เทพพงศ์ ทิพยจันทร์ แม่ทัพภาคที่ 1 ขึ้นมาเป็นห้าเสือ ทบ.

จึงส่งผลให้เสียงของคนในกองทัพ ฟันธงกันว่า เพราะได้มีการตัดสินใจแล้วว่า ใครจะเป็น ผบ.ทบ.คนต่อไป ที่จะขึ้นมาแทน พล.อ.ธีรชัย นาควานิช

โดยไม่มีความหวังเรื่องการต่ออายุราชการ หรือยืดอายุเกษียณราชการ นั่งเป็น ผบ.ทบ. ต่อไปอีก 1 ปี ที่เป็นกระแสข่าวลือใน ทบ. มาเป็นระยะอีกต่อไปแล้ว

คงเหลือแต่แคนดิเดต ผบ.ทบ. ทั้ง 2 คน คือ บิ๊กแกละ พล.อ.พิสิทธิ์ สิทธิสาร เสนาธิการทหารบก และ บิ๊กเจี๊ยบ พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท ผช.ผบ.ทบ. เท่านั้นที่จะชิงดำกัน โยกย้ายกันยายนนี้ แบบไม่ต้องลุ้นเรื่องยืดเวลาอายุเกษียณราชการ

จาก พล.อ.ธีรชัย เตรียมทหาร 14 คนที่ 2 ที่ได้เป็น ผบ.ทบ. ต่อจาก บิ๊กโด่ง พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร แล้วนั้น จะเป็น ตท.16 หรือ ตท.17

โดย พล.อ.พิสิทธิ์ เตรียมทหาร 17 รุ่นน้อง แต่เกษียณก่อน กันยายน 2560 ส่วน พล.อ.เฉลิมชัย ตท.16 รุ่นพี่ แต่เกษียณทีหลัง กันยายน 2561

ข่าวสะพัดหนาหูว่า ตัวเลือกของ พล.อ.ประยุทธ์ และ พล.อ.ประวิตร ตกผลึกแล้วที่ พล.อ.เฉลิมชัย

อาจเป็นเพราะในเวลานี้ ข่าวในกองทัพ ไม่ว่าเหล่าทัพไหน ออกแนวจะเชียร์ พล.อ.เฉลิมชัย เพราะเป็นนายทหารสายรบพิเศษ เนื่องจากทหารในกองทัพ ที่ไม่ใช่คนที่โตจาก ร.21 รอ. ทหารเสือราชินี หรือ พล.ร.2 รอ. บูรพาพยัคฆ์ ก็ล้วนเชียร์ พล.อ.เฉลิมชัย เพราะอยากให้อำนาจเปลี่ยนมือบ้าง เนื่องจากบูรพาพยัคฆ์ยึดอำนาจในกองทัพบกมายาวนาน ตั้งแต่รัฐประหาร 19 กันยายน 2549 เลยทีเดียว

ประกอบกับมีการปล่อยข่าวลือเก่าๆ ออกมาโจมตี พล.อ.พิสิทธิ์ อยู่เสมอๆ เพื่อเป็นการดิสเครดิต

เพราะไปๆ มาๆ พล.อ.ประยุทธ์ และ พล.อ.ประวิตร อาจใช้สูตรอำนาจ 1 ต่อ 1 คือ อาจตัดใจ ในการยอมให้นายทหารรบพิเศษอย่าง พล.อ.เฉลิมชัย ขึ้นเป็น ผบ.ทบ. สัก 1 ปี เพื่อลดกระแสโจมตีว่า เอาแต่ทหารเสือฯ และบูรพาพยัคฆ์

โดยอาจให้เป็น ผบ.ทบ. แค่ 1 ปี จากนั้น จะส่งไปเป็นผู้บัญชาการทหารสูงสุด ในอีก 1 ปีสุดท้ายก่อนเกษียณ เพื่อเปิดทางให้ บิ๊กเข้ พล.ท.เทพพงศ์ ทิพยจันทร์ แม่ทัพภาคที่ 1 แกนนำ ตท.18 ที่ในเวลานั้นคงขึ้นมาจ่อเป็นห้าเสือ ทบ. แล้ว ได้ขึ้นมาเป็น ผบ.ทบ. ในอีก 1 ปีสุดท้าย ก่อนที่จะเกษียณกันยายน 2561

เพราะสูตรการวางอำนาจกองทัพ ในยุครัฐบาลทหาร ในยุคที่ คสช. เรืองอำนาจนี้ มักจะให้เป็น ผบ.ทบ. คนละปี เพื่อไม่ให้คนเป็น ผบ.ทบ. มีอำนาจมากเกินไป เพราะหากอยู่อย่างน้อย 2 ปี ก็จะเปี่ยมอำนาจและบารมี จะเป็นอันตรายต่อรัฐบาลทหาร และหากยิ่ง พล.อ.ประยุทธ์ ต้องอยู่นาน หรือ คสช. ต้องแฝงตัวสืบทอดอำนาจในรูปแบบใดก็ตามต่อไป

แต่หาก พล.อ.ประยุทธ์ และ พล.อ.ประวิตร หาญกล้าที่จะหยิบยื่นอำนาจไปให้นายทหารสายรบพิเศษ อย่าง พล.อ.เฉลิมชัย ที่มี บิ๊กแอ้ด พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ องคมนตรี เป็นแบ็กอัพ จนถูกจัดให้เป็นสายบ้านสี่เสาฯ ไปแล้วนั้น ก็ใช่ว่าจะมีสัญญาใดที่ พล.อ.เฉลิมชัย จะเป็น ผบ.ทบ. แค่ปีเดียว

เพราะในเวลานั้น เป็นรัฐบาลจากการเลือกตั้งแล้ว แม้จะยังมี ส.ว.แต่งตั้ง ที่เป็นกลไกถ่วงดุลอำนาจ ที่ คสช. ทิ้งไว้ ก็หาใช่จะไปควบคุมการแต่งตั้งโยกย้ายทหารได้ เมื่อนั้น พล.อ.เฉลิมชัย อาจเป็น ผบ.ทบ. 2 ปีเลยก็ได้

พล.อ.ประยุทธ์ เตือนสื่อว่า ให้ระมัดระวังการเขียนวิเคราะห์เรื่องการแต่งตั้งโยกย้ายทหาร เพราะอาจทำให้เกิดความขัดแย้ง แตกแยก ที่สำคัญคือ ทำให้คนที่ไม่มีโอกาสที่จะได้ขึ้น ได้เป็น พลอยเป็นมีความหวัง

แต่ไม่มีใครรู้ว่า พล.อ.ประยุทธ์ หมายถึง พล.อ.พิสิทธิ์ หรือ พล.อ.เฉลิมชัย ที่เกิดความหวัง ที่จะเป็น ผบ.ทบ. เพราะสื่อคาดการณ์

แต่จากการที่ พล.อ.ประยุทธ์ แสดงความใกล้ชิด ทักทาย พล.อ.เฉลิมชัย ต่อหน้ากำลังพลใน ทบ. มาหลายครั้งนั้น ได้ถูกตีความว่าเป็นการบ่งบอกเป็นนัยๆ หรือไม่

ทั้งการแซวเรื่องหน้าตาที่ย่น เต็มไปด้วยริ้วรอย ตามประสาทหารรบพิเศษ ทหารบ้านนอก และการหยอกเรื่องการให้โรยตัวลงมาจากตึก แบบทหารรบพิเศษ

ก็ทำให้ถูกนำไปตีความว่า นั่นเป็นการส่งสัญญาณบางอย่าง…

แต่ในขณะเดียวกัน หาก พล.อ.ประยุทธ์ ไม่พึงใจ พล.อ.พิสิทธิ์ เขาก็ไม่น่าจะยอมให้ พล.อ.อุดมเดช และ พล.อ.ประวิตร ดันขึ้นมาเป็นเสนาธิการทหารบก ตั้งแต่โยกย้ายกันยายนปีที่แล้วไปแล้ว

“เอาน่า ไม่ต้องห่วง คนที่จะขึ้นมาเป็น เขาต้องมองกันไว้แล้ว ไม่ใช่ปุบปับเอาขึ้นมา” บิ๊กป้อม เปรย

ว่ากันว่า ในอีกไม่ถึง 6 เดือนข้างหน้า คือจุดเปลี่ยนสำคัญของบูรพาพยัคฆ์ ภายใต้ร่มเงาอำนาจและบารมีของ พล.อ.ประยุทธ์ และ พล.อ.ประวิตร เลยทีเดียว ในการตัดสินใจเลือก ผบ.ทบ.

เพราะตอนนี้ คนใน ทบ. รู้ดีว่า พล.อ.ประยุทธ์ และ พล.อ.ประวิตร มีการวางตัวขุนพล แม่ทัพนายกอง ซึ่งเป็นนายทหารรุ่นหลังๆ ให้ปรากฏตัวปรากฏโฉม เตรียมขึ้นมาดูแลกองทัพในระยะยาว โดยเฉพาะในช่วงระยะเวลาเปลี่ยนผ่านเอาไว้แล้ว

เพราะคาดกันว่า นายทหาร เตรียมทหารรุ่น 20 ที่จะมารับไม้ดูแลกองทัพต่อ จนถึงปี 2563-2564 โดยมี บิ๊กแดง พล.ท.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ แม่ทัพน้อยที่ 1 และ บิ๊กตู่เล็ก พล.ต.กู้เกียรติ ศรีนาคา รองแม่ทัพภาคที่ 1 ที่ตามอายุปกติ จะเกษียณกันยายน 2563 และ บิ๊กณัฐ พล.ต.ทณัฐ อินทรเจริญ รอง เสธ.ทบ. เกษียณกันยายน 2564

แต่ก็เป็นระเบิดเวลาอีกลูกหนึ่ง ที่รอลุ้นว่า ในที่สุดแล้ว ใครจะเป็นผู้ถูกเลือก พล.ท.อภิรัชต์ แห่งวงศ์เทวัญ หรือ พล.ต.กู้เกียรติ หรือ พล.ต.ณัฐ แห่งบูรพาพยัคฆ์ อันถือเป็นการชิงเก้าอี้ในหมู่เพื่อนรักกันเลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็น เก้าอี้แม่ทัพภาคที่ 1 ในโยกย้ายกันยายนปีนี้ หรือเก้าอี้ ผบ.ทบ. ในอนาคตอันใกล้

คาดกันว่า มีการวางนายทหาร เตรียมทหารรุ่น 22 ไว้ให้ขึ้นรับไม้ต่อจาก ตท.20 เช่น บิ๊กหนุ่ย พล.ต.ธรรมนูญ วิถี ผบ.พล.ร.9 นั้นเกษียณกันยายน 2564 และ บิ๊กติ๋ง พล.ต.สันติพงศ์ ธรรมปิยะ ผบ.พล.ร.2 รอ. เกษียณกันยายน 2565

โดยมี ตท.23 และ ตท.24 จ่อคิวเติบโตกันต่อ แต่ ตท.23 ส่วนใหญ่จะไม่ได้โตมาในสายกำลังรบ แต่มาในสายโฆษก ทั้ง เสธ.ไก่อู พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกรัฐบาล เสธ.ต้อง พล.ต.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกลาโหม ที่จะโตในฝ่ายอำนวยการมากกว่า

จะมีก็แต่ เสธ.เล็ก พ.อ.ปิยพงศ์ กลิ่นพันธุ์ รอง ผบ.มทบ.11 และทำหน้าที่ทีมโฆษก ทบ. ที่โตมาในสายคอมมานด์ แห่งแดนบูรพาพยัคฆ์ ผ่านทั้ง ผู้บังคับกองพัน ผู้บังคับการกรม โดยโตมาใน ร.12 รอ. มาตลอด และทำงานกับ พล.อ.ประวิตร และพล.อ.ธีรชัย มาตั้งแต่เป็นนายทหารเด็กๆ

รวมถึง เสธ.อู๋ พ.อ.วุฒิชัย นาควานิช รอง ผบ.พล.ร.9 น้องชาย พล.อ.ธีรชัย ที่ก็โตมาใน พล.ร.9 เป็นทหารนักรบพระยาสุรสีห์ มาตลอด ที่ถูกคาดหมายว่า ในการโยกย้ายกันยายนนี้ จะได้ขึ้นเป็น พลตรี ในตำแหน่ง ผบ.พล.ร.9

แต่ก็ต้องเบียดแข่งกับเตรียมทหาร 24 ที่ตอนนี้มีแคนดิเดตดาวรุ่งจาก 2 สาย มี เสธ.อ๊อบ พ.อ.ทรงวิทย์ หนุนภักดี รอง ผบ.พล.1 รอ. ที่คาดกันว่า โยกย้ายกันยายนนี้ จะขึ้น พลตรี ในตำแหน่ง ผบ.พล.1 รอ. คุมกำลังสำคัญ

แม้ พ.อ.ทรงวิทย์ จะจบจาก ร.ร.นายร้อยทหารบก VMI-Virginia Military Institute แต่ก็เรียนเตรียมทหาร 24 และใช้ความสามารถ บุคลิกลักษณะ การเป็นที่ยอมรับในกองทัพ และต้นทุนทางสังคมที่มีอยู่ ฝ่าด่านประเพณี ทบ. ในการขึ้นมาเป็น ผู้บังคับกองพัน และผู้บังคับการกรม ได้

ที่สำคัญ เขาก็เป็นสมาชิกของ “ราบ 11 คอนเน็กชั่น” เพราะเติบโตมาจาก ร.11 รอ. ตั้งแต่เป็นนายทหารเด็กๆ ถือเป็นสายวงศ์เทวัญ

แม้โดยความสัมพันธ์ อาจจะไม่แนบแน่นกับ พล.ท.อภิรัชต์ เท่าใดนัก แต่ก็ถือว่าเป็นน้องรักของ บิ๊กต๊อก พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รมว.ยุติธรรม ที่ทำงานกับ บิ๊กตุ๋ย พล.อ.อิสระพงศ์ หนุนภักดี อดีต ผบ.ทบ. บิดาของ พ.อ.ทรงวิทย์ มายาวนาน

รวมทั้งเป็นน้องรักของ บิ๊กหนุ่ย พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรรณ รมว.ศึกษาธิการ เพื่อนรัก ตท.12 ของ พล.อ.ประยุทธ์

เพราะถึงอย่างไร พล.อ.ไพบูลย์ และ พล.อ.ดาว์พงษ์ ก็เป็นพี่เลิฟของ พล.ท.อภิรัชต์ เช่นกันนั่นเอง จึงถือเป็นสายวงศ์เทวัญด้วยกัน

ส่วน ตท.24 ที่เป็นดาวรุ่งอีกคน ที่อาจเรียกว่าเป็นสายบูรพาพยัคฆ์ เพราะโตมาจาก ร.12 รอ. มาตลอดเช่นกัน เสธ.หนุ่ม พล.ต.สนิธชนก สังขจันทร์ ผบ.มทบ.11 คนใหม่ ที่มีอายุราชการถึงกันยายน 2568

เรียกได้ว่า จะต้องเตรียมตัวกันแบบเนิ่นๆ แต่ก็ใช่ว่าดาวรุ่งจะไปถึงดวงดาวได้ทุกคน เพราะอาจกลายเป็น ดาวตก ดาวร่วง ได้เสมอ

เพราะประวัติศาสตร์ก็มีให้เห็นมาแล้วว่า สูตรการวางทายาทอำนาจในกองทัพ มักจะเกิดอุบัติเหตุขึ้นได้เสมอ และมักจะเป็นอุบัติเหตุที่เกิดจากการแย่งชิงอำนาจกันเอง ในกองทัพ นั่นเอง…

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image