นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (วท.) แถลงข่าวเมื่อไม่กี่วันก่อน บอกเล่าความคืบหน้าของการควบคุมหน่วยราชการแล้วตั้งเป็นกระทรวงใหม่ว่า เป็นการควบรวมกระทรวงวิทยาศาสตร์ฯกับสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) และหน่วยงานให้ทุนวิจัยของประเทศทั้งหมด เช่น สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ (วช.) สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) เป็นต้น โดยมีวัตถุประสงค์ 4 ประการ คือ 1.เตรียมคนไทยสู่ศตวรรษที่ 21 หรือเตรียมสำหรับอนาคต 2.เตรียมผู้ประกอบการสู่ศตวรรษที่ 21 ไม่ว่าจะเป็น Start up และ SMEs 3.เตรียมเกษตรกรสู่สมาร์ทฟาร์มเมอร์ และ 4.รองรับประเทศไทยที่กำลังเข้าสู่อุตสาหกรรมใหม่ (New S-Curve) ซึ่งต้องพัฒนาทั้งกำลังคนและเทคโนโลยี
โครงสร้างของกระทรวง ประกอบด้วย 4 กลุ่มงาน คือ 1.กลุ่มงานนโยบายและวางแผน งบประมาณ ทุนวิจัย ทั้งทุนด้านวิทยาศาสตร์ มนุษยศาสตร์ และสังคมศาสตร์ และต่างประเทศ 2.กลุ่มสถาบันบัณฑิตวิทยาศาสตร์แห่งประเทศไทย ใช้รูปแบบคล้ายกับของสาธารณรัฐประชาชนจีน (Chinese Academy of Sciences) ที่จะทำงานวิจัย ดาวเทียม ดาราศาสตร์ นิวเคลียร์ ซินโครตรอน มีหน่วยงานอย่างสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ (สดร.) สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ หรือจิสด้า สังกัด 3.กลุ่มมหาวิทยาลัยที่เน้นการวิจัย ทั้งวิจัยพื้นฐาน วิจัยสู่อนาคต และวิจัยประยุกต์ ครอบคลุมทั้งด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี มนุษยศาสตร์ และสังคมศาสตร์ และ 4.กลุ่มมหาวิทยาลัยเชิงพื้นที่ ซึ่งก็คือมหาวิทยาลัยราชภัฏทั่วประเทศ เพื่อตอบโจทย์การพัฒนาตามภูมิสังคมในแต่ละพื้นที่
การควบรวมเพื่อตั้งกระทรวงใหม่นี้มีเป้าหมายตอบสนองยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ถือเป็นจุดเริ่มต้นของประเทศที่ให้ความสำคัญต่องานวิจัย ซึ่งเชื่อว่าหากรัฐบาลเห็นชอบ การควบรวมเพื่อตั้งกระทรวงใหม่คงเกิดขึ้นได้ไม่ยาก แต่สิ่งที่ยากคือการผลักดันให้กระทรวงดังกล่าวสร้างผลงานที่มีประสิทธิภาพ ผลการวิจัยที่ออกมาแล้วใช้ได้จริง และสร้างประโยชน์ให้เกิดขึ้นแก่ประเทศชาติและประชาชนเหมือนดั่งที่ต่างประเทศทำแล้วสำเร็จ หวังเป็นอย่างยิ่งว่ารัฐบาลจะนำเอาความสำเร็จและล้มเหลวจากประสบการณ์การตั้งกระทรวงใหม่ทั้งของประเทศไทยและของต่างประเทศมาร่วมพิจารณาอย่างถี่ถ้วนว่า หลังจากตั้งกระทรวงแล้วจะเกิดมรรคเกิดผล มีการปรับเปลี่ยนวิธีการทำงาน สามารถสร้างผลิตผลให้แก่ประเทศได้จริงๆ
