สถานีคิดเลขที่ 12 : 4 ปีสบายๆ

ถ้าเทียบช่วงเวลานี้กับเมื่อ 4 ปีก่อน สำนักข่าวต่างประเทศนำเสนอข่าวเหตุการณ์รัฐประหารในไทยอย่างครึกโครม หลายๆ สำนักขึ้นเป็นข่าวเด่นในหน้าเว็บไซต์และข่าวนำในการออกอากาศทางโทรทัศน์

แต่เมื่อมาถึงวาระครบรอบ 4 ปีเหตุการณ์รัฐประหาร ข่าวเหตุการณ์การรำลึกพอมีอยู่บ้าง ไม่ได้เป็นข่าวใหญ่โตอะไรนัก มีรายงานไปตามสถานการณ์ที่กลุ่มคนอยากเลือกตั้งเผชิญหน้ากับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่บล็อกเส้นทางไปทำเนียบรัฐบาล

บวกกับรายละเอียดสรุปเหตุการณ์คร่าวๆ เมื่อ 4 ปีที่แล้ว และใส่บทวิเคราะห์นิดหน่อยว่า ผู้ที่เป็นผู้นำอยู่ในยามนี้คงจะรักษาอำนาจไว้ต่อไป ต่อให้มีการเลือกตั้งเกิดขึ้น

สถานการณ์และเงื่อนไขในไทยไม่ได้เป็นเรื่องใหญ่โตสำหรับประเทศอื่น โดยเฉพาะเมื่อพูดถึงผลประโยชน์

Advertisement

ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเหตุใดประเทศฝั่งประชาธิปไตยจึงอดทนรอประเทศไทยฟื้นฟูประชาธิปไตยมานานถึง 4 ปี แค่มีหยอดๆ อยู่บ้างว่า รัฐควรเลิกจำกัดสิทธิเสรีภาพในการแสดงออกขั้นพื้นฐาน แต่ก็ไม่ได้ประท้วงอะไรจริงจัง

โดยเฉพาะมหาอำนาจสหรัฐอเมริกา เดิมได้ชื่อว่าเป็นพี่ใหญ่ประชาธิปไตย แต่เอาเข้าจริงๆ ถ้าต้องรักษาผลประโยชน์ของประเทศแล้ว อะไรๆ มองข้ามได้ก็มักมองข้ามไป

ดูอย่างยุคต่อต้านปราบปรามคอมมิวนิสต์ จะเห็นได้ว่าอเมริกานั้นถนัดดีลกับรัฐบาลทหาร หรือผู้ปกครองทหาร

Advertisement

ไม่ว่า ซูฮาร์โต แห่งอินโดนีเซีย, เฟอร์ดินันด์ มาร์กอส แห่งฟิลิปปินส์ และจอมพลถนอม กิตติขจร ของไทย ล้วนแจ้งเกิดเป็นผู้นำที่แข็งแกร่งเพราะประสานงานกับรัฐบาลสหรัฐได้ง่าย

กระทั่งเมื่ออเมริกาไม่จำเป็นต้องใช้อีกแล้ว อำนาจจึงเสื่อมถอยลงไปตามกาลเวลา

มาถึงยุคปัจจุบัน สหรัฐมีรัฐบาลที่ประกาศนโยบายชัดเจนว่า อเมริกาต้องมาก่อน ดังนั้น การเปิดทำเนียบต้อนรับผู้นำรัฐประหารจากไทยที่ไม่คิดว่าจะเกิดขึ้นก็เกิดขึ้นได้

ส่วนสหภาพยุโรป แม้จะดูน่าแปลกใจที่ยอมปรับระดับความสัมพันธ์กลับจุดเดิมเพียงแค่ได้ยินคำสัญญาว่าไทยใกล้จะจัดเลือกตั้งแล้ว แต่ถ้ามองกันตามความเป็นจริง ก็เข้าใจได้ว่าอียูไม่ต้องการตกขบวนเสียเปรียบด้านเศรษฐกิจในการค้าขาย

หลังจากเห็นๆ อยู่ว่าจีนแผ่อิทธิพลเข้ามาได้เข้มข้นขนาดไหน ส่วนญี่ปุ่นที่เป็นประชาธิปไตย เหลือบดูสัญญาณจากอเมริกาแล้วไม่ได้ว่าอะไร ก็ทำเนียนๆ ใสๆ ทำธุรกิจต่อไปได้ตามปกติ

ฉะนั้น การดำรงอยู่ของ คสช.และรัฐบาลไทยตลอด 4 ปีที่ผ่านมานั้นถือว่า สบายๆ ไม่ยากเย็น

มวลชนที่เคยเป่านกหวีดเชียร์ต่อให้วันนี้ ต่อให้หงุดหงิดกับประเด็นคนดีไม่ดีจริงอยู่บ้าง ก็ไม่ถึงกับต้องพลิกท่าทีใดๆ หันไปสนใจละครย้อนยุคและสงสารเสือดำดีกว่า

ส่วนประชาชนที่ยังสงสัยว่าทำไมชีวิตยังยากลำบาก ทั้งที่จีดีพีของประเทศดีมากถึงขั้นแตะร้อยละ 4.8 ก็คงทำอะไรไม่ได้มากไปกว่าทนๆ ดิ้นรนไป เพราะถึงอย่างไร คสช. is not my government.

มีแต่กลุ่มคนอยากเลือกตั้งเท่านั้นที่ต้องประคับประคองกำลังใจเป็นพิเศษ เพราะสู้กี่ทีก็ถูกจับดำเนินคดีทุกครั้ง แถมถูกให้ร้ายว่ารับเงิน ทั้งๆ ที่ยากจนเหมือนเดิม

ถ้าไม่ได้อยากเลือกตั้งจริงคงทำไม่ได้มาถึงวันนี้

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image