‘บิ๊กตู่’ ขอผู้ชุมนุมอย่าเป็นศัตรูกับ กม. หวั่นบานปลาย เหน็บม็อบทำอากาศ กทม.เป็นพิษ

‘บิ๊กตู่’ ยอมไม่ได้เด็ดขาดเคลื่อนชุมนุมประท้วงฝืน กม. แจงต้องยุติสถานการณ์ก่อนบานปลาย กร้าว ปชต.กำลังเดินหน้าสู่ ลต. ใครทำเสียหายต้องโดนลงโทษ เหน็บกลุ่มคนอยาก ลต.ทำอากาศกรุงเทพฯเป็นพิษ

เมื่อเวลา 08.20 น.วันที่ 23 พฤษภาคม ที่ศูนย์ศึกษาวิธีการฟื้นฟูที่ดินเสื่อมโทรมเขาชะงุ้ม อันเนื่องมาจากพระราชดำริ ต.เขาชะงุ้ม อ.โพธาราม จ.ราชบุรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นประธานในพิธีเปิดโครงการประชารัฐร่วมใจ ปลูกต้นไม้ให้แผ่นดิน ปี พ.ศ.2561 และมอบนโยบายตอนหนึ่งว่า นั่งเฮลิคอปเตอร์มารู้สึกมึนงงนิดหนึ่ง เพราะปกติตนสดชื่น แต่เมื่อนั่งวิเคราะห์แล้วเป็นเพราะอากาศเสีย เพราะอยู่กรุงเทพฯมีแต่อากาศเสีย เคยชินแต่ของเสีย แต่จากที่มองลงมาต้นไม้เยอะ อยากให้กรุงเทพฯและทุกเมืองเป็นแบบนี้ วันนี้ได้ฟังเพลงต้นไม้ของพ่อที่เปิด การปลูกต้นไม้ของในหลวงรัชกาลที่ 9 ท่านทรงทำมาตลอดในการครองราชย์ 70 ปี ต้นไม้ที่ท่านทรงปลูกไว้วันนี้สูงใหญ่ ตนจะมาดูต้นประดู่ที่พระองค์ทรงปลูกไว้ จ.ราชบุรี มีหลายอำเภอมีความเข้มแข็งด้านการผลิต การเกษตร ปศุสัตว์

นายกฯกล่าวอีกว่า ขอให้พี่น้องเข้าใจ คำว่าเท่าเทียมคือ เท่าเทียมในเรื่องของโอกาส เราจำเป็นต้องสร้างโครงสร้างพื้นฐานของประเทศเข้มแข็งให้ได้ จึงจะเปิดโอกาสให้ทุกคนเข้ามาหาประโยชน์ในทางที่ถูกกฎหมายอย่างเท่าเทียม ไม่มีผู้มีอิทธิพล รังแกผู้มีรายได้น้อย รัฐบาลต้องดูแลไม่ว่ายากดีมีจน ทุกภาคส่วนต้องเข้ามาเกี่ยวข้องสัมพันธ์กัน มีการจัดเก็บระบบภาษีในการพัฒนาประเทศ เพื่อดูผู้มีรายได้น้อยตามความจำเป็น หลายท่านอาจไม่มีใครมาพูดตรงนี้ แต่ตนจะพูดให้ฟังว่าประเทศของเราจำเป็นต้องมีการพัฒนาเร่งด่วนทันต่อการเปลี่ยนแปลงของโลก รัฐบาลพูดอะไรมาขอให้ฟังนิด และใช้สติปัญญาไตร่ตรองหาหลักการและเหตุผลว่าใช่หรือไม่ เราคิดถึงตัวเอง คิดถึงครอบครัวเป็นธรรมดา แต่ต้องคิดถึงคนอื่นด้วย เพราะประเทศไทยมี 77 จังหวัด เราต้องรักสามัคคีกันมากขึ้น เพราะความรักความสามัคคีเป็นบ่อเกิดความสำเร็จ โดยมีวิสัยทัศน์มองร่วมกันคือความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า มองไปข้างหน้าในระยะ 5 ปี 10 ปี 20 ปี ต้องไม่ล้มสลายย่อยยับลงไป หรือเกิดเสียหาย วันนี้จึงได้กำหนดวิสัยทัศน์ประเทศ ทำยุทธศาสตร์ชาติและปฏิรูปประเทศ ซึ่งรัฐบาลต้องบริหารตามหลักการนี้ มีหลายอย่างที่ควบคุมอยู่ ทั้ง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี ขอให้เข้าใจว่าการบริหารราชการแผ่นดินถ้าไม่ใช้หลักการหรือข้อกฎหมาย ทุกอย่างจะเกิดปัญหา หลายอย่างเป็นภาระรัฐบาล ซึ่งเราไม่โทษใคร วันนี้เราต้องทำใหม่ หลายอย่างจะค่อยดีขึ้นตามลำดับ แม้ตัวเลขจีดีพีโตจะสูงขึ้น 4.8 แต่ไม่ใช่รัฐบาลจะยินดีแล้วไม่ทำอะไรเลย เพราะตัวเลขพร้อมที่จะขึ้นและลงได้ตลอดเวลา ขึ้นอยู่กับการค้าที่เรามีกับโลกภายนอก เพราะเราไม่ได้ผลิตขายในประเทศอย่างเดียว ส่วนใหญ่เราขายนอกประเทศ รายได้มาจากการส่งออก เราต้องปรับรูปแบบการส่งออก และหวังรายได้อื่นๆ เสริมด้วย มากกว่าหวังส่งออกอย่างเดียว เพราะตลาดภายนอกเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา วันนี้พืชผลการเกษตรลดน้อยลงที่ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศ ผูกพันมาถึงราคาน้ำมันที่สูงขึ้น เป็นกลไกที่เราบังคับไม่ได้ ขอให้เข้าใจไม่ว่ารัฐบาลใดจะใช้กลไกบังคับมากไม่ได้ เพราะเรามีกติกา ตราบใดที่เรายังต้องส่งออกต้องเผชิญกับปัญหาเหล่านี้ บนกฎกติกาการค้าโลก และต้องพัฒนาและควบคุมคุณภาพการผลิต เพราะหลายประเทศมีการต่อรอง ขณะที่มีการเปิดช่องทางมากขึ้นผ่านการค้าออนไลน์ แต่ไม่ใช่เรื่องของการผูกขาด แม้แต่ราคาน้ำมันหลายประเทศที่มีราคาต่ำ เพราะเขามีกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง เราต้องเข้าใจกลไกเหล่านี้ ไม่อย่างนั้นบิดเบือนกันไปเรื่อยกลายเป็นปัญหา

Advertisement

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า “เราจะปลูกต้นไม้กัน 5 ล้านต้น 2 หมื่นกว่าไร่ตรงนี้ห้ามตาย ซึ่งบางคนมาบอกว่ามีอำนาจเยอะแยะอย่างนั้นทำไมไม่ใช้อำนาจมาตรา 44 สั่งต้นไม้ไม่ให้ตาย พอจะเอาอะไรก็จะให้ใช้มาตรา 44 แต่ถ้าไม่เอาก็ไม่ให้ใช้มาตรา 44 มันเป็นแบบนี้ ซึ่งต้องเข้าใจให้ตรงกันว่า อะไรที่ต้องแก้ไขจะทำให้ แต่จะฝืนกฎหมายทุกอย่างจนทุกอย่างมันไม่ได้ รัฐบาลไม่ต้องการทำแบบนั้น เพราะวันหน้าเราต้องอยู่กันแบบประชาธิปไตย วันนี้ประชาธิปไตยกำลังเดินหน้าไปสู่การเลือกตั้ง ขอบอกพี่น้องว่าการประท้วงอะไรต่างๆ มีผลกระทบทั้งสิ้น รายได้ของเราได้จากการท่องเที่ยว ถ้าประเทศของเรามีการชุมนุมมีการขัดแย้ง มีความวุ่นวาย การท่องเที่ยววันนี้ล้มทันที เมื่อไหร่ก็ตามที่บ้านเมืองไม่สงบ มีการประท้วงเช่นเดิมขึ้นมาอีก มีการย้ายคนก็จะเกิดปัญหาเรื่องการท่องเที่ยว ปัญหาความเชื่อมั่นในการลงทุน เพราะวันนี้การลงทุนมีมูลค่าหลายแสนล้านบาทที่เขาจะลงทุนที่ไทยในระยะเวลา 3 ปี เราจะต้องไม่ทำให้เกิดปัญหาตรงนี้โดยเด็ดขาด”

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า วันนี้อากาศดี เริ่มดีขึ้นแล้ว ออกซิเจนเริ่มเข้ามาแล้ว เมื่อวานออกซิเจนน้อยหน่อย เพราะมีชุมนุมกันอยู่ คนเยอะ อากาศเป็นพิษ แต่ทุกอย่างเรียบร้อยเพราะพวกเรา สำคัญที่ไม่ลุกลามบานปลายเพราะประชาชน ที่ต้องเข้าใจว่าเกิดอะไร และวันนี้รัฐบาลประกาศอะไรไปบ้างแล้ว ทำอะไรไปบ้างแล้ว มันไม่เกิดประโยชน์หรอก ต่างประเทศเขาก็ประท้วงแบบนี้แหละ แต่เขาขออนุญาตและอยู่ที่เดียวไม่ไปไหน จะประท้วงกี่วันกี่เดือนกี่ปีเขาก็อยู่ตรงนั้น เดี๋ยวรัฐบาลก็ต้องแก้ วันนี้ไม่ต้องประท้วงตนก็แก้อยู่แล้วที่ร้องมาทั้งหมด รัฐบาลแก้ทุกอย่าง อันนี้แก้ได้ไม่ได้ก็ทยอยแก้กันไป รัฐบาลต้องใส่ใจในทุกเรื่อง ต้องมีการลงโทษใครที่เกี่ยวข้องทำให้เกิดความเสียหายในเรื่องต่างๆ

Advertisement

“ผม รัฐบาลและ คสช.ไม่ใช่ศัตรูของใคร แต่ใครจะเป็นศัตรูของตน ตรงนี้ผมไม่รับทราบ แต่เป็นศัตรูกับกฎหมายไม่ได้ ก็อย่าทำกัน ขอบคุณประชาชน เจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร ฝ่ายความมั่นคง โดยเฉพาะตำรวจที่แก้สถานการณ์ได้อย่างสันติ ไม่ไปตี ไม่ยิงกัน ไม่อยากให้มีเหตุการณ์บานปลาย วันนี้ต่างประเทศก็ดูอยู่ ฉะนั้น เราต้องสร้างบ้านเมืองให้ปลอดภัยเข้มแข็ง หากเราไปมองประเทศอื่นที่เจริญแล้วและอยากได้แบบเขา แต่เราไม่แก้ตัวเราเองมันไปไม่ได้ กว่าเขาจะไปแบบนั้นได้ตียิ่งกว่าเราอีก เขารบกันทั้งเมืองยิ่งกว่าเราอีก เขาถึงพัฒนาไม่ให้เกิดขึ้นแบบเดิมอีก โดยเฉพาะประเทศตะวันตก ตะวันออกบางประเทศที่มีการสู้รบก็เริ่มจากความขัดแย้งภายใน ท้ายสุดก็บานปลาย มีการเจ็บ แบ่งข้าง ตายเป็นล้านๆ คน เขาถึงต้องทำให้ไม่มีการประท้วงเคลื่อนย้ายไปเรื่อยๆ เขาถึงเคารพกฎหมายเพราะกลัวจะเกิดขึ้นอีก แต่พวกเรายังไม่เจอขนาดนั้นเลยยังไม่รู้ว่าจะร้ายแรงขนาดไหน รัฐบาลจึงจำเป็นต้องเข้ามาเพื่อยุติสถานการณ์ เพื่อให้เกิดความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน เดินหน้าสู่การเป็นประชาธิปไตย สู่การมีรัฐบาลที่มีธรรมาภิบาล” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ตนพูดเพราะๆ ไม่ค่อยเป็น แต่ใจตนนึกถึงทุกศาสนาในประเทศไทย ที่ทั้ง 5 ศาสนาอยู่ด้วยกันอย่างสันติมาโดยตลอด ภายใต้พระบารมีของพระบรมราชจักรีวงศ์ทุกพระองค์ เรื่องประชารัฐในพื้นที่ทั้ง 2 ฝ่ายต้องคุยกันหาข้อสรุปให้ได้ ไม่ใช่ประชุมกันพอทำประชาพิจารณ์แล้วขัดแย้งจนทำอะไรไม่ได้ ดังนั้น การทำประชาพิจารณ์ต้องไปดูใหม่ ทำให้ครบทุกพวกทุกฝ่าย ไม่ใช่มาทำประชาพิจารณ์เอาแต่พวกเห็นด้วยมาทำ ต้องหาข้อสรุปให้ได้ระหว่างผู้ที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย ไม่อย่างนั้นรัฐบาลจะเกิดงบค้างท่อทำอะไรไม่ได้ ฝากทุกคนด้วยไม่อย่างนั้นการพัฒนาจะไม่เกิดขึ้น และถ้ามีอะไรไม่ถูกต้องก็ร้องเรียนขึ้นมา ส่วนโครงการไทยนิยม ยั่งยืนได้ชี้แจงไปแล้วเดือนมิถุนายนงบประมาณจะเริ่มลงมา โดยกระทรวงต่างๆ เริ่มลงมือปฏิบัติในพื้นที่โครงการต่างๆ หน่วยงานละ 2-3 หมื่นล้านบาท โดยช่วง 2 เดือนที่ผ่านมาได้เตรียมการเรื่องกฎหมาย การอนุมัติงบประมาณ ถือเป็นการทำงานแบบไทยนิยมที่ต้องลงถึงทุกหมู่บ้าน ไปสู่การเลือกตั้งข้างหน้าที่จะทำอย่างไรให้รัฐบาลดูแลทุกพื้นที่อย่างนี้ทัดเทียม

นายกฯกล่าวตอนท้ายว่า วันนี้มาทำความเข้าใจ ไม่ได้มาพูดให้รักตนเอง หรือต้องการให้ท่านมาเกลียดตน แต่ท่านอย่าเกลียดประเทศของท่านเอง อย่าเกลียดจังหวัด อย่าเกลียดผู้ว่าฯ ตำรวจ เพราะเราคือคนไทยทั้งสิ้น ช่วยกันทำความดีทุกโอกาสเพื่อชาติ ทุกคนตอนนี้ใจเย็นๆ ไม่ต้องรีบร้อนอะไรทั้งสิ้น ผมก็เป็นไปตามโรดแมป ขี้เกียจพูดแล้ว มีใครจะถามอะไรอีกไหม วันนี้ศาสนาสำคัญที่สุดทำให้ประเทศชาติปลอดภัย สร้างความสงบเรียบร้อย ขอบคุณทุกคนที่เตรียมงานวันนี้ จริงๆ แล้วตนไม่ใช่เจ้าพิธีการมากนัก สำคัญที่สุดอยากมาเจอประชาชนเห็นรอยยิ้ม ซึ่งบางคนก็ไม่ยิ้ม แต่ตนเป็นคนตลกอยู่แล้ว ตลกก็มี โมโหก็ง่าย เพราะทำงานถึงเป็นอย่างนี้ ถ้าจะเอาอารมณ์ดีๆ เฉยๆ ก็ไปรอรัฐบาล ไม่ต้องทำอะไร ยิ้มอย่างเดียว ต้องเอาจริงเอาจังแบบนี้ ข้าราชการทุกคนต้องปรับตัว ตนยืนยันข้าราชการตอนนี้เกียร์ว่างไม่ได้ ขอรอยยิ้มหวานๆ จากคนไทยถึงข้างในจะร้อนระอุยังไงแล้วก็ต้องยิ้มสู้ ตามเพลงที่รัชกาลที่ 9 ทรงพระราชนิพนธ์ไว้ให้ไปเปิดฟังดู

 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image