วันเกิดคสช. ขบวนอยากเลือกตั้ง เหมือนจบแต่ไม่จบ

แล้วการชุมนุมของกลุ่มคนอยากเลือกตั้งในโอกาสครบรอบ 4 ปี ของการยึดอำนาจโดย คสช.

ที่เริ่มขึ้นตั้งแต่เย็นวันที่ 21 และข้ามมาถึงบ่ายของวันที่ 22 พฤษภาคม

อันเป็นวันคล้ายวันเกิดของ คสช.

ก็ยุติลงโดยไม่เกิดการแทรกแซงจาก “มือที่ 3” อย่างที่มีการประโคมข่าวก่อนหน้านี้

Advertisement

ไม่ว่าจะเป็นมือที่ 3 ของฝั่งไหน

22พ.ค.

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากที่ “กลุ่มคนอยากเลือกตั้ง” ที่ชุมนุมข้ามคืนในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ รวมตัวกันอีกครั้งตั้งแต่เช้า เพื่อจะเดินเท้าไปยังทำเนียบรัฐบาล

Advertisement

แต่ไม่สามารถเดินเท้าไปได้สำเร็จ เพราะถูกสกัดกั้นอยู่ตลอดทั้งวัน

15.00 น. บริเวณหน้ามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เกิดการปะทะกันของผู้ชุมนุม และเจ้าหน้าที่ตำรวจบริเวณรั้วเหล็กกั้น ซึ่งทำให้บรรยากาศการชุมนุมเริ่มคุกรุ่นและชุลมุน

พ.ต.อ.จักรกริศน์ โฉสูงเนิน ผกก.สน.ชนะสงคราม เดินทางเข้าเจรจากับ นายรังสิมันต์ โรม แกนนำ

หลังจากการเจรจาเสร็จสิ้น นายรังสิมันต์ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวว่า ตนไม่อยากจะให้เกิดความรุนแรง

ตลอดการชุมนุมก็พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าทุกอย่างเป็นไปด้วยความสงบ

หากสักครู่ไม่มีการดันกัน ก็คงไม่มีเจ้าหน้าที่เข้ามาเจรจา แต่ก็ไม่อยากจะให้เกิดเหตุการณ์อย่างนี้อีก

ตนจึงตัดสินใจที่จะเป็นตัวประกัน รวมถึงเพื่อนๆ แกนนำคนอื่นด้วย

และมีรายงานว่า นายอานนท์ นำภา และแกนนำคนอื่น ถูกเจ้าหน้าที่สกัดกั้น และควบคุมตัวแล้ว

นายสิรวิชญ์ เสรีวิวัฒน์ หรือ จ่านิว และนายรังสิมันต์จึงปรึกษากัน พร้อมยอมเข้าเจรจากับเจ้าหน้าที่ตำรวจ

โดยยื่นข้อเสนอให้ปล่อยประชาชนที่มาชุมนุม

นายรังสิมันต์ขึ้นปราศรัยบนรถนำขบวนเพื่อแจ้งข้อสรุปให้กับกลุ่มผู้ชุมนุม

ซึ่งต่างส่งเสียงโห่ร้องต่อว่าเจ้าหน้าที่ และไม่ให้แกนนำมอบตัว

นายรังสิมันต์กล่าวว่า

“วันนี้จะเป็นวันประวัติศาสตร์ที่จะให้คนรุ่นต่อไป เพื่อเป็นการต่อยอดต่อไปว่า ประเทศนี้ต้องมีประชาธิปไตย

ดังนั้นขอร้องครับพี่น้อง เพราะผมทราบถึงความเศร้าโศกดี แต่มันเป็นหนทางเดียวที่จะทำให้ทุกอย่างจบด้วยความสงบ

ผม นายสิรวิชญ์ และนายปิยรัฐ จงเทพ จะขอประกาศมอบตัวตรงนี้”

ขณะที่นายสิรวิชญ์กล่าวปราศรัยว่า

“ขอให้ถือว่าเป็นหน้าที่ของชาวไทยทุกคน ที่จะร่วมแสดงพลังต่อต้านทุกวิถีทาง เพื่อโค่นล้ม คสช.ให้ได้ในอนาคต

วันนี้ไม่ได้เป็นวันประกาศยอมแพ้ แต่ตำรวจฟังให้ดี ห้ามควบคุมตัวมวลชน

และอยากจะบอกกับ คสช. ว่า

คสช. กูต้านมึงมา 4 ปี กูไม่จบกับมึงแค่วันนี้”

ปฏิกิริยาที่ตามมาโดยพลัน

นอกจากเสียงวิพากษ์วิจารณ์ของสื่อต่างประเทศ ที่ยึดถือ “เสรีภาพ” ของประชาชนเป็นใหญ่

ก็คือคำแถลงขององค์กรสิทธิมนุษยชนของสหประชาชาติ

ที่เรียกร้องให้ปล่อยตัวแกนนำและผู้ชุมนุมที่ถูกจับกุมทั้ง 14 คน

แต่แน่นอนว่าท่าทีผู้อยู่ในอำนาจ ย่อมเป็นไปในทิศทางตรงกันข้าม

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ซึ่งให้สัมภาษณ์ถึงอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยในไตรมาสแรกที่เติบโตถึงร้อยละ 4.8 อันสูงสุดในรอบ 5 ปี อย่างอารมณ์ดี

วกมาถึงความเคลื่อนไหวของกลุ่มคนอยากเลือกตั้งว่า

“ที่ผ่านมา การท่องเที่ยวสร้างรายได้หลายแสนล้านบาทให้ประเทศ มีคนเข้ามาท่องเที่ยวในไทย 30 กว่าล้านคน

ถ้าประเทศเรายังมีการเดินขบวนแบบนี้อย่างไม่มีวันสิ้นสุด คนที่มาท่องเที่ยวก็จะหายไปเรื่อยๆ

ตัวเลขต่างๆ ทางเศรษฐกิจจะตกทั้งหมด”

ก่อนจะยืนยันอีกครั้งว่า การเลือกตั้งทั่วไปในเดือนพฤศจิกายน 2561 ตามที่เรียกร้องนั้น ไม่สามารถทำได้

แต่จะไม่เลื่อนไปจากประกาศที่ระบุว่าจะเลือกตั้งในเดือนกุมภาพันธ์ 2562

ก่อนจะถึงกำหนดนั้น เส้นทางยังอีกยาวไกล

อะไรจะเกิดขึ้นอีก?

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image