“ภูมิใจไทย”ก้าวสู่ปีที่ 8 “อนุทิน”ยันพร้อมรับผลประชามติ-เคารพ ปชช. ชี้ไม่มีข้อเสนอเกี่ยวกับ รธน. เพราะเสนอไปก็คงไม่แก้ ลั่นพร้อมทำตามทุกกติกา
เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 6 เมษายน ที่พรรคภูมิใจไทย ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีการจัดงานครบรอบวันคล้ายวันก่อตั้งพรรค ก้าวสู่ปีที่ 8 โดยมีข้าราชการ นักการเมือง และภาคธุรกิจร่วมแสดงความยินดี อาทิ ตัวแทนจากพรรคชาติไทยพัฒนา นางศิริวรรณ ปราศจากศัตรู รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) นายจุติ ไกรฤกษ์ เลขาธิการพรรค ปชป. นายสามารถ แก้วมีชัย อดีต ส.ส.เชียงราย พรรคเพื่อไทย (พท.) นายอุดมเดช รัตนเสถียร อดีต ส.ส.นนทบุรี พรรค พท. นายไพจิต ศรีวรขาน อดีต ส.ส.นครพนม พรรค พท. นายวัฒนา เมืองสุข อดีต รมว.พาณิชย์
โดยนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวว่า กลยุทธ์ของพรรคที่อยู่ในแผ่นพับทุกครั้งที่มีการหาเสียง 4 ข้อก็ยังจะเป็นเช่นนั้น โดยเราเน้นการพัฒนาที่ยั่งยืน เช่น การแก้ปัญหาเศรษฐกิจ ปัญหาปากท้องของพี่น้องประชาชน การให้ความสะดวกต่อประชาชน และการดูแลคนชราและนักศึกษา อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่เรื่องที่จะมาพูดกันในวันนี้ เพราะยังไม่รู้ว่าจะมีการเลือกตั้งเมื่อไหร่ รู้แค่พรรคพร้อมที่จะสนับสนุนรัฐบาลที่กำลังบริหารประเทศอยู่ในขณะนี้ เพื่อให้เดินหน้าและเกิดประชาธิปไตยให้เร็วที่สุด
เมื่อถามว่า พรรคภูมิใจไทยมีความเห็นต่อร่างรัฐธรรมนูญอย่างไรบ้าง นายอนุทินกล่าวว่า เราเคารพมติของประชาชน มีประชามติออกมาอย่างไร ไม่ว่าจะเห็นชอบ หรือไม่เห็นชอบ เราก็พร้อมที่จะปฏิบัติตามข้อกำหนดกฎเกณฑ์ต่างๆ ที่อยู่ในร่างรัฐธรรมนูญ ทั้งนี้ ส่วนตัวคิดว่าเราเป็นนักเตะ เป็นนักกีฬา ไม่ใช่คนเขียนกติกา ก็ต้องปฏิบัติตามกติกา ไม่อย่างนั้นก็แข่งไม่ได้ ใครพร้อมก็ลงแข่ง ใครไม่พร้อมก็ไม่ต้องลง อย่างไรก็ตาม ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรที่พรรคภูมิใจไทยจะเสนอตัวเองให้เป็นทางเลือกของพี่น้องประชาชน เลือกครั้งต่อไปที่เกิดขึ้น หวังว่าจะเป็นไปตามโรดแมปของ คสช.
เมื่อถามว่า มีข้อเสนอหรือข้อติติงอะไรเกี่ยวกับร่างรัฐธรรมนูญหรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า ไม่มี ติไปแล้วเขาจะแก้ให้ไหมล่ะ ดังนั้นอย่าไปดึงให้ช้า ให้ประชาชนได้มีสิทธิออกเสียงเลือกตั้ง
เมื่อถามต่อว่า มีความเห็นอย่างไรกลไกในช่วงเปลี่ยนผ่านที่กำหนดไว้ในบทเฉพาะกาล นายอนุทินกล่าวว่า ไม่มีปัญหา เราต้องทำตามกติกา ที่บ้านเมืองวุ่นวายเพราะต่างคนต่างต้องการที่จะสร้างกติกาของตนเอง ทุกคนที่ต้องการกติกาที่เป็นประโยชน์ต่อตัวเอง มันก็เลยมีหลายกติกา กรุงโรมไม่ได้สร้างเสร็จภายในวันเดียว แต่ต้องค่อยๆ สร้างไปเรื่อยๆ อย่าไปคิดหวังผลเลิศในครั้งเดียว การเลือกตั้งในครั้งต่อไป รัฐบาลอาจจะอยู่ไม่นานก็ได้ ก็ต้องมีการปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ของบ้านเมือง ยิ่งมีการเลือกตั้งมากก็ยิ่งดี
เมื่อถามว่า หากมีการเลือกตั้งพรรคภูมิใจไทยจะเสนอชื่อนายกฯไปกี่คน นายอนุทินกล่าวว่า ถ้าถามวันนี้เสนอคนเดียวก่อน การรักษาระบอบประชาธิปไตยให้เป็นสากลคงไม่ยาก แต่ก็ดีที่มีทางออกไว้ อะไรก็ตามที่เป็นทางออกที่ดีให้กับประชาชนพรรคภูมิใจไทยก็พร้อมที่จะสนับสนุน
เมื่อถามว่า มีความเห็นอย่างไรที่ระบบเลือกตั้งแบบใหม่เอื้อประโยชน์ต่อพรรคขนาดกลางอย่างพรรคภูมิใจไทย รวมถึงการที่ต้องเสนอชื่อนายกฯ 3 คน นายอนุทินกล่าวว่า ไม่เคยคิดที่จะเสนอคนอื่น และพรรคภูมิใจไทยก็คงเสนอชื่อหัวหน้าพรรค ไม่มีชื่ออื่น ทั้งนี้ เรื่องนี้เป็นเรื่องของพรรค ไม่เกี่ยวกับคนนอก การตัดสินใจต้องเป็นเรื่องของหัวหน้าพรรคและกรรมการบริหารพรรค นอกจากนี้ พรรคไม่ได้กังวลว่าจะได้ ส.ส.มากหรือน้อย แต่เราถือว่าทำให้ดีที่สุด ส่วนผลออกมาอย่างไรก็ต้องยอมรับ พูดได้อย่างเดียวว่า เราจะไม่เป็นปัญหาของบ้านเมือง อะไรที่เป็นประโยชน์ของบ้านเมืองเราเอาด้วยหมด ทุกอย่างต้องไม่มาตันที่พรรคภูมิใจไทย อย่างไรก็ตาม การที่ทหารเข้ามาก็ดี เพราะลดความขัดแย้งและความตึงเครียด เมื่อถึงเวลาทหารก็คืนอำนาจให้กับนักการเมือง ส่วนนักการเมืองก็ต้องเรียนรู้บทเรียนว่าหากทำอะไรนอกกติกา ใช้ความรุนแรง ก่อให้เกิดความไม่สงบ ทำให้เกิดความขัดแย้งในประเทศก็จะมีคนมาจัดการ และต้องพยายามที่จะปรับตัวต่อสถานการณ์ต่างๆ ของบ้านเมืองด้วย รัฐบาลทุกรัฐบาลที่ทำมา รวมถึงรัฐบาลปัจจุบันก็พยายามที่จะสร้างความมั่นคงแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจให้กับบ้านเมืองไม่ว่าจะเป็นในรูปแบบใด หลังเลือกตั้งคิดว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯคงวางรากฐานที่ดี คงพยายามปูพื้นฐานให้รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งสามารถบริหารบ้านเมืองไปในทิศทางที่ดีได้ ต่อจากนี้ทุกคนอย่างน้อยต้องหันหน้าเข้าหากัน หาวิธีคุยกัน อยู่ด้วยกันโดยคิดถึงความสงบของประเทศ ความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืนของประเทศ ถ้าเรามีเป้าหมายอยู่แค่นี้ไม่มีทางที่จะทำไม่สำเร็จ
เมื่อถามต่อว่า มีหลายฝ่ายแสดงจุดยืนไม่เห็นด้วยกับร่างรัฐธรรมนูญ ตรงนี้จะทำให้เกิดปัญหาในการชี้แจงรัฐธรรมนูญหรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า นี่แหละการทำประชามติ คนมีสิทธิที่จะแสดงความเห็น มีสิทธิเชื่อ หรือไม่เชื่อ ซึ่งต้องไปตัดสินกันในการทำประชามติ ใครจะเห็นแตกต่างหรือเห็นพ้องก็อยู่ที่ผลประชามติ นี่คือความสวยงามของระบอบประชาธิปไตย ไม่มีใครได้อะไรตามที่ตนเองต้องการทุกอย่าง แต่ต้องแสวงหาทางอยู่ร่วมกันให้ได้