สถานีคิด : ถอยเพื่อรุก : โดย สุวพงศ์ จั่นฝังเพ็ชร

 

ถอยเพื่อรุก

การใช้กำปั้นเหล็กของรัฐบาลและคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)
จับ 15 แกนนำ คนอยากเลือกตั้ง
จับ 8 แกนนำ พรรคเพื่อไทย
แม้จะดูประหนึ่งการ “รุก”
แต่เมื่อประเมินกันจริงๆ เป็นรุกแบบถอยหลังมากกว่า
ด้วยเพราะไม่ได้นำพาไปไหน นอกจากกลับไปสู่ดินแดนแห่งความสงบราบคาบ ด้วยอำนาจของการรัฐประหาร
สวนทางกับการตีฆ้องร้องป่าว ว่าไทยกำลังจะกลับคืนสู่ดินแดนประชาธิปไตย
การรุกเพื่อถอย จึงสูญเปล่ามากกว่าได้
ทั้งที่ช่องทาง “รุกไปข้างหน้า” ของรัฐบาลและ คสช.ก็มี
อย่างตอนนี้เราเริ่มได้ยินเสียง “หนาหู” มากขึ้นถึงความคืบหน้าในการตั้งพรรค และพรรค
“แนวร่วม” ของรัฐบาลและ คสช.
การ “ดูด” หรือจะพูดให้เพราะ การเชิญชวน เริ่มเป็นเนื้อเป็นหนัง
ดูการเคลื่อนไหวในพรรคประชาธิปัตย์
ดูการเคลื่อนไหวของนักการเมืองในภาคอีสาน แม้จะดูเรียบๆ แต่ว่ากันว่า ภายใต้ความราบเรียบนั้น
กำลังปั่นป่วนด้วยการเชิญชวน
มีการอวดตัวเลข ว่าตอนนี้อยู่ในระดับ 50-60 คนแล้ว
ใครที่ว่าไม่ย้ายๆ เริ่มแอบชำเลืองออปชั่นกันใหญ่
ขณะเดียวกันพรรคแนวร่วม การปรากฏตัวขึ้นมาของพรรครวมพลังประชาชาติไทยของ
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ
ที่ยื่นนิ้วเกี่ยวก้อยไปยังกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และนักวิชาการ มหาวิทยาลัยย่าน “รังสิต”
ก็ดูคึกคักไม่เบา เปิดตัวที่เป้าหมาย 20-30 เสียง น้อยเสียที่ไหน
ซึ่งเมื่อนำเสียง “หนุนรัฐบาลและ คสช.” มารวมๆ กันแล้ว
แสงแห่งความหวังก็รำไร
ข่าวว่า ทำให้บางคนมั่นอกมั่นใจอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
เมื่อทางข้างหน้าแจ่มใสเช่นนี้
ถึงได้บอก รัฐบาลและ คสช. ควร “รุก” ไป “ข้างหน้า” ได้แล้ว
นั่นคือ มุ่งหน้าไปสู่การเลือกตั้งอย่างเต็มตัวเสียที
ถ้า 30 พฤษภาคมนี้ ศาลรัฐธรรมนูญไฟเขียว พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.ไม่ขัดรัฐธรรมนูญ
รัฐบาลและ คสช.กำหนดวันเลือกตั้งให้ชัดเจนไปเลย
เพราะเมื่อทางข้างหน้าสดใส ก็ไม่ควรมีอะไรมาถ่วงรั้งอีก
กำหนดวันเลือกตั้งได้เร็วเมื่อไหร่ กลุ่มคนอยากเลือกตั้งก็ฝ่อเร็วเท่านั้น ไม่ต้องไปไล่จับให้เสียรังวัด
ส่วนพรรคเพื่อไทยก็ดึงออกมาสู้กันในที่แจ้ง รัฐบาลและ คสช.พร้อมกว่าเยอะแยะ
จะไปเกรงกลัวอะไร
ถึงเวลารุกไปข้างหน้าได้แล้ว
และถึงแม้รุกไปแล้ว เกิดภาวะอย่างที่นายปริญญา เทวานฤมิตรกุล แห่งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ว่า
คือ “เมื่อถึงเดือนมิถุนายนนี้ ตัวเลข ส.ส.เก่าในมือ กดเครื่องคิดเลขบวกลบคูณหารแล้ว หากไม่ถึงจำนวนที่จำเป็นต่อการตั้งรัฐบาลแล้ว”
ก็ยังมีทางเลือกอีก
นั่นคือ กลับไปสู่สถานะคนกลาง
ปล่อยให้การเลือกตั้ง ส.ว.ฟรีโหวต และคอยควบคุมการเลือกตั้ง ส.ส.ให้เป็นไปตามกติกา
เพื่อทำให้ระยะเปลี่ยนผ่านจากนี้เป็นไปอย่างราบรื่น
ตามข้อเสนอนี้ อาจดูเป็นการ “ถอย”
แต่เป็นการ “ถอยแบบรุก”
นั่นคือ ช่วยดึงและเปิดพื้นที่ประชาธิปไตยให้มีมากขึ้น ส่วนทหารและกองทัพก็ถอยกลับที่ตั้งตามปกติ
อย่างนี้ก็น่าจะลงตัว
และจะได้ช่อดอกไม้มากกว่ารุกแบบถอยอย่างที่ “โชว์” กันเอิกเกริกที่ธรรมศาสตร์และที่พรรคเพื่อไทยนั่น

สุวพงศ์ จั่นฝังเพ็ชร

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image