ขณะที่การบุกเข้ารวบตัว นายสุวิทย์ ทองประเสริฐ ส่งผลสะเทือนต่อพรรครวมพลังประชาชาติไทย
การออกมา “ขอโทษ”
ไม่ว่าจะมาจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ไม่ว่าจะมาจาก พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ
ส่งผลสะเทือนอย่างลึกซึ้งต่อพรรคพลังประชารัฐ
เพราะบทบาทของ นายสุวิทย์ ทองประเสริฐ สัมพันธ์กับการเคลื่อนไหวของกปปส. ขณะเดียวกัน บทบาทของ นายสุวิทย์ ทองประเสริฐ สัมพันธ์กับการรัฐประหารเมื่อเดือนพฤษภาคม 2557
เป็นรากฐานของพรรครวมพลังประชาชาติไทย เป็นรากฐานของพรรคประชารัฐ
พลานุภาพของ “นายสุวิทย์” จึงรุนแรง ล้ำลึก
ยอมรับเถิดว่า หากการเคลื่อนไหวของ กปปส.มี นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เป็นผู้นำ
บทบาทของ นายสุวิทย์ ทองประเสริฐ ก็ไม่เบา
แม้ในตอนนั้น นายสุวิทย์ ทองประเสริฐ จะอยู่ในสมณเพศ แต่จุดเด่นของเขาก็คือ “นักรบ”
ประชาชนเจนตากับ”การ์ด”ที่รายอยู่โดยรอบ
ยิ่งการปรากฏขึ้นของ “มือปืนป๊อบคอร์น”ที่หลักสี่ บางเขน ยิ่งมากด้วยความโดดเด่น
ส่วนหนึ่งของ”การ์ด”มาจากไหน มาได้อย่างไร
เรื่องนี้ฝ่ายที่กำหนด”ยุทธวิธี”ในการรุกเข้าไปรวบตัวที่วัดอ้อ น้อย นครปฐม ย่อมรู้ดีที่สุด จึงได้เพิ่มความระมัดระวังเป็นอย่างสูงในการเคลื่อนกำลัง
เป็นเรื่องที่รู้ๆกันอยู่ หลายคนในพรรครวมพลังประชาชาติไทยก็รู้ หลายคนในพรรคพลังประชารัฐก็รู้
รู้ว่าตัวตนของ นายสุวิทย์ ทองประเสริฐ เป็นอย่างไร
หากสรุปตามหลักแห่งศาสนาพุทธ ทั้งหมดนี้ย่อมเป็นเรื่องของกรรม เป็นเรื่องอันดำเนินไปตามความเป็นจริงแห่ง “สภาวธรรม”
เพียงแต่ต้องอาศัย”เวลา”ในการพิสูจน์ทราบ
จากก่อนรัฐประหารเมื่อเดือนพฤษภาคม 2557 จึงมาพิสูจน์ ทราบในเดือนพฤษภาคม 2561
4 ปีแห่งการรอคอยการเปิดโปงตัวเองออกมาล่อนจ้อน
