ภาพที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ปรากฏพร้อมกับ นายสุวิทย์ ทองประเสริฐ เมื่อครั้งยังเป็น พระสุวิทย์ ธีรธัมโม
มิได้เป็นเรื่องผิดปกติ
เพราะเมื่อ พระสุวิทย์ ธีรธัมโม ซึ่งเป็นทหารกองหนุนมีความคิดในเรื่องการปลุกเสกพระเครื่องอันสัมพันธ์กับทหารและต้องการได้อดีต ผบ.ทบ.และ ผบ.ทบ.เข้าร่วม
เพื่อความขลัง เพื่อความศักดิ์สิทธิ์
ก็เป็นเหตุผลอันชอบที่อดีต ผบ.ทบ.และ ผบ.ทบ.จะเข้าร่วมในฐานะที่เป็นพุทธศาสนิกชน
แต่ที่ “ภาพ” นี้เป็นประเด็นก็มี “บริบท”
บริบทหรือสภาพแวดล้อมที่สำคัญก็คือ บทบาทของ พระสุวิทย์ ธีรธัมโม และบทบาทของอดีต ผบ.ทบ.และ ผบ.ทบ.แต่ละคนดำเนินไปอย่างไร
โดยเฉพาะในห้วงก่อนเดือนพฤษภาคม 2561
และโดยเฉพาะอย่างยิ่งภายหลังจากพระสุวิทย์ ธีรธัมโม กลายมาเป็น นายสุวิทย์ ทองประเสริฐ
บทบาท 1 คือ บทบาทการปลุกเสกพระเครื่อง อันนำไปสู่คดีปลอมแปลงพระปรมาภิไธย ภ.ป.ร. ส.ก. บทบาท 1 คือ บทบาทในฐานะนักเคลื่อนไหวทางการเมือง อันนำไปสู่คดีอั้งยี่และซ่องโจร
นั่นเป็นเรื่องของ นายสุวิทย์ ทองประเสริฐ
แต่ที่ทำให้ “ภาพ” เมื่อ 6-7 ปีก่อนกลายมาเป็นประเด็นเพราะว่าบรรดาอดีต ผบ.ทบ.ส่วนหนึ่งได้กลายมาเป็นนายกรัฐมนตรี รองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม
และได้เปล่งคำว่า “ขอโทษ” และได้ตำหนิ “เจ้าหน้าที่” ซึ่งปฏิบัติตามคำสั่งของ “ผู้บังคับบัญชา”
ตรงนี้ต่างหากที่ละเอียดอ่อนและมากด้วยความอ่อนไหว
อ่อนไหวเพราะทำให้ชาวบ้านเกิดความสงสัยว่าที่ออกมาเปล่งคำว่า “ขอโทษ” อาจเพราะมีสายสัมพันธ์แนบแน่นต่อกัน
แล้วก็นำไปสู่การเปรียบเทียบอย่างแหลมคม
กับกรณีอื่นที่ท่านเหล่านี้มีส่วนเข้าไปเกี่ยวข้อง สัมพันธ์ ทั้งได้รับคำสั่ง ทั้งเป็นผู้ออกคำสั่ง ได้รู้สึกหรือไม่ว่าเป็นการละเมิดเป็นความรุนแรงเกินกว่าเหตุ
ท่านเคยเปล่งคำ “ขอโทษ” บ้างหรือไม่