เหตุหนึ่งที่กลายเป็นข้ออ้างในการยึดอำนาจคือเรื่องความขัดแย้งรุนแรง ย้อนกลับไปเมื่อก่อนการยึดอำนาจ สังคมไทยถูกยั่วยุด้วยข่าวสารปลิ้นปล้อนหลอกลวง การเติบโตทางเทคโนโลยีเข้ามาในช่วงจังหวะที่หลายคนยังปรับตัวไม่ทัน ข่าวสารที่เป็นข่าวปล่อยกลายเป็นข่าวที่น่าเชื่อถือ และปลุกเร้าจนกระทั่งสังคมกลายเป็นสังคมที่อุดมไปด้วยอารมณ์ เกิดความเกลียดชัง แบ่งฝักฝ่าย ผู้แสวงหาผลประโยชน์ในการทำลายได้เข้ามามีส่วนช่วยกระพือทำให้ข่าวลวงกลายเป็นข่าวจริง ข่าวจริงกลายเป็นข่าวโกหก กระทั่งเกิดความไม่สงบ และเป็นเหตุให้มีการเผชิญหน้ากันของคนในสังคม ก่อนที่ฝ่ายทหารจะยึดอำนาจ
สถานการณ์หลังยึดอำนาจ และประสบการณ์การรับข่าวสารจากเทคโนโลยี เริ่มให้บทเรียนว่าข่าวลวงหลายข่าวไม่ใช่ข่าวจริง และอีกหลายข่าวที่แพร่กระจายอยู่ในออนไลน์นั้นเป็นข่าวใส่ร้ายป้ายสี แต่เชื้อปะทุจากความขัดแย้งในครั้งนั้นยังไม่หายไป ทุกอย่างยังเป็นคลื่นอยู่ใต้น้ำ เมื่อใดก็ตามที่มีประเด็นเกี่ยวข้องกับเรื่องเก่าก่อนการยึดอำนาจ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องราคาน้ำมันและก๊าซที่สูงขึ้น หรือข่าวคราวความเคลื่อนไหวของกลุ่มขัดแย้ง อาทิ การจับกุมอดีตพระพุทธะอิสระ เป็นต้น ประเด็นเหล่านี้พร้อมจะปะทุขยายกลายเป็นความขัดแย้งได้ทุกเมื่อ
เรื่องดังกล่าวสังคมไทยควรจะได้พิจารณาว่าสาเหตุที่เกิดเช่นนี้เพราะการใช้อารมณ์มากกว่าเหตุผล การด่วนตัดสินใจก่อนจะมีการพิสูจน์ใช่หรือไม่ ผลจากการใช้อารมณ์การด่วนตัดสิน กลายเป็นที่มาของการแตกความสามัคคี ละเมิดกฎระเบียบที่ร่วมกันวางไว้ และบั่นทอนความถูกต้องเมื่อสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นไม่ถูกใจใช่หรือไม่ ถ้าใช่ก็ควรจะเรียกสติกลับคืนมา ใช้เหตุผลมากกว่าอารมณ์ แสวงหาสาเหตุที่แท้จริงที่ทำให้เหตุนั้นเกิด และร่วมกันแก้ไขปัญหานั้นด้วยวิธีสร้างสรรค์ไม่ใช่การทำลาย
วันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 6 เป็นวันวิสาขบูชา เป็นอีกวันหนึ่งที่เป็นสัญลักษณ์เตือนให้ชาวพุทธระลึกถึงพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ และเห็นความสำคัญของศาสนา ซึ่งเป็นแบบอย่างในเรื่องการใช้เหตุใช้ผล และการใช้หลักการทางวิทยาศาสตร์มาพิสูจน์สิ่งที่เกิดขึ้น ในเมื่อเมืองไทยส่วนใหญ่นับถือพุทธ คนไทยทั้งหมดมีศาสนา สังคมไทยก็ควรจะน้อมนำคำสั่งสอนทางศาสนามาใช้เพื่ออยู่ร่วมกันอย่างสันติสุข ไม่ควรปล่อยให้อารมณ์ทำลายล้างเข้ามาครอบงำ แล้วทำร้ายสังคม ทำร้ายผู้อื่น และทำร้ายตัวเองเหมือนกับที่เคยปรากฏมา
