เบื้องหน้ากรณีตำรวจกองปราบปรามบุกเข้าตลบมุ้ง จับตัว นายสุวิทย์ ทองประเสริฐ ณ วัดอ้อน้อย นครปฐม ในตอนรุ่งสางก่อให้เกิดปฏิกิริยาในทางสังคมอย่างกว้างขวาง
ทั้งเห็นด้วย ทั้งไม่เห็นด้วย
กระทั่ง มีการเปล่งคำว่า “ขอโทษ” ดังออกมาจากภายในทำเนียบรัฐบาลและดังออกมาจากภายในกระทรวงกลาโหม
สังเกตหรือไม่ว่า นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เงียบ
เงียบและนิ่งมากกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับ นายไพบูลย์ นิติตะวัน แห่งพรรคประชาชนปฏิรูป เงียบและนิ่งมากกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ แห่งพรรคประชาธิปัตย์
ทั้งๆ ที่ความสัมพันธ์นั้นแนบแน่นมากกว่า
คำถามอันตามมาโดยอัตโนมัติก็คือ ทำไม นายสุเทพ เทือกสุบรรณ จึงนิ่ง ทำไม นายสุเทพ เทือกสุบรรณ จึงเงียบ
เหมือนไม่รักไม่ห่วงใย นายสุวิทย์ ทองประเสริฐ
แม้ความสัมพันธ์ระหว่าง นายสุวิทย์ ทองประเสริฐ กับ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ มิได้ยาวนานเหมือนกับบางท่านที่ได้รับเชิญไปร่วมในพิธีปลุกเสกพระเครื่อง
เพราะ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ มิได้เป็น “ทหาร”
แต่กล่าวสำหรับการเคลื่อนไหวของ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ นับแต่เดือนกันยายน 2556 เรื่อยมาจนถึงรัฐประหารในเดือนพฤษภาคม 2557
ถือได้ว่า นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ผนึกกำลังกับ นายสุวิทย์ ทองประเสริฐ
บทบาทของ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ อาจโดดเด่นและกว้างขวางกว่าในฐานะที่เป็นเจ้าของม็อบและดำรงอยู่ในฐานะเลขาธิการ กปปส.
แต่ก็มิอาจปฏิเสธบทบาทของ “ราชสีห์” แห่ง “แจ้งวัฒนะ” ได้
ปฏิบัติการของการ์ดจากแจ้งวัฒนะถือว่าเหี้ยมหาญเป็นอย่างมาก กระทั่ง
ก่อให้เกิดสถานการณ์อย่างที่เรียกกันว่า “มือปืนป๊อปคอร์น”
ร่วมเป็น ร่วมตายถึงระนาบนี้แล้วเหตุใดจึงเงียบ
หากประเมินผ่านคำ “ขอโทษ” อันดังมาจากทำเนียบรัฐบาลประสานกับที่ดังมาจากกระทรวงกลาโหมก็ต้องยอมรับว่า นายสุวิทย์ ทองประเสริฐ หรืออดีตพระพุทธะอิสระ ไม่ธรรมดา
ทั้งๆ ที่ไม่ธรรมดาแล้วเหตุใดจึงถูก “จับ”
บางคนอาจสนใจแต่เพียงคดีอั้งยี่และซ่องโจร เนื่องจากการจับตัวตำรวจสันติบาล ปล้นและยึดทรัพย์สิน ซึ่งเป็นเรื่องในเดือนกุมภาพันธ์ 2557
แต่อาจมองไม่เห็นอีกคดีหนึ่งซึ่งละเอียดอ่อนอย่างยิ่ง
นั่นก็คือ คดีปลอมแปลงพระปรมาภิไธย ภปร และ สก อันเคยมีคดีในลักษณะเดียวกันนี้กับ “เซียนพระ” รายหนึ่ง
ตรงนี้ต่างหากที่ทำให้ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ต้องนิ่ง
ไม่ออกมาแอ๊กชั่นเหมือนกับหัวหน้าพรรคการเมืองบางพรรค หรือเหมือนกับพิธีกร นักเขียนภาพล้อและหรือแพทย์บางคนที่ตั้งองค์กรกำจัดขยะแผ่นดิน
ในทาง “การเมือง” นายสุเทพ เทือกสุบรรณ อ่านขาด
หากนำเอาท่าทีของ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ มาเป็นบรรทัดฐานจากกรณีของ นายสุวิทย์ ทองประเสริฐ น่าจะมีแรงสะเทือนไม่น้อย
เป็นแรงสะเทือนไปยัง “กปปส.”
และน่าจะเป็นแรงสะเทือนทำให้ผู้ที่ร่วมคิดในการจัดตั้งพรรครวมพลังประชาชาติไทยระดับ นายเอนก เหล่าธรรมทัศน์ ต้องศึกษาและยึดถือเป็นบทเรียน
บทเรียนในการประชุมในวันที่ 3 มิถุนายน ที่สวนลุมพินี
