ไม่ใช่กิจของสงฆ์ โดย สุริวงค์ เอื้อปฏิภาน

ย้อนกลับไปดูภาพเหตุการณ์เมื่อ 4 ปีที่แล้ว ซึ่ง อดีตพระพุทธะอิสระ หรือ นายสุวิทย์ ทองประเสริฐ เป็นแกนนำ กปปส.ในพื้นที่แจ้งวัฒนะ ซึ่งบรรดาการ์ดที่ห้อมล้อมอยู่ ล้วนก่อวีรกรรมที่เต็มไปด้วยความรุนแรง ถึงเลือดถึงเนื้อ

เอาแค่เรื่องกรวยศักดิ์สิทธิ์ ที่มีคนไปแตะต้องแล้วถูกการ์ดยิงใส่ ก็มากมายหลายเหตุการณ์

โดยทั้งหมดนี้ ไม่เคยมีใครได้ยินอดีตพระพุทธะอิสระผู้นำม็อบแห่งแจ้งวัฒนะ แสดงความเป็นผู้ทรงศีลออกมาให้เห็น ด้วยการเรียกร้องวิงวอนหรือห้ามปราม บรรดาการ์ด หรือผู้ร่วมชุมนุม ให้ยึดหลักสันติ อหิงสา มีเมตตาต่อเพื่อนร่วมโลก เลยแม้แต่น้อย

ดังนั้นภาพรวมของอดีตพระรูปนี้ ก็คือ แกนนำม็อบจอมบู๊ดุดัน ตั้งแต่นั้นมาแล้ว

Advertisement

พอมาถึงเหตุการณ์ล่าสุด ที่ตำรวจคอมมานโดบุกเข้าควบคุมตัวอดีตพระพุทธะอิสระ ถึงภายในวัด ชนิดตลบมุ้งจับ

คนที่ไม่พอใจ ก็คือ เหล่าผู้ร่วมเป็นแกนนำ กปปส.ด้วยกัน แม้จะอธิบายว่า ตำรวจทำเกินกว่าเหตุ ไม่ควรทำกับพระเช่นนี้

แต่เอาเข้าจริงๆ บรรดาผู้ร่วมขบวนการนกหวีดมาด้วยกัน ไม่พอใจที่เจ้าของฉายาราชสีห์แห่งแจ้งวัฒนะ ถูกลบหลู่ลูบคมโดยตำรวจได้อย่างไร

กล้าดีอย่างไร จึงมาตั้งข้อหาดำเนินคดีกับผู้นำอันเด็ดเดี่ยวเกรียงไกรของเราเช่นนี้

ทำนองนั้นมากกว่า

ในขณะที่ประชาชนทั่วไป ซึ่งก็ไม่ได้รู้สึกว่าอดีตพระพุทธะอิสระมีภาพของสงฆ์ผู้ทรงธรรมอะไรมาตั้งแต่ 4 ปีก่อนแล้ว มองเป็นเทพเจ้ากรวยศักดิ์สิทธิ์ที่เต็มไปด้วยคนใกล้ตัวผู้ใช้ความรุนแรงมากกว่า

ในแง่นี้ คนจำนวนไม่น้อยก็เลยไม่รู้สึกว่า ตำรวจคอมมานโดทำเกินกว่าเหตุ ในการบุกวัดอ้อน้อย

เห็นข้อหาอั้งยี่ ซ่องโจร อันเนื่องจากเหตุการณ์ที่การ์ดของอดีตพระสุวิทย์ ล็อกตัวตำรวจสันติบาลมารุมกระทืบ แล้วปล้นชิงทรัพย์สินไป โดยเจ้าหน้าที่อ้างอิงหลักฐานวิดีโอที่อดีตพระพุทธะอิสระนั่งซักตำรวจที่ถูกรุมทำร้ายจนอ่วมอรทัย เพื่อยืนยันว่าร่วมรู้เห็นและสนับสนุน

นึกถึงภาพเหตุการณ์ที่แยกหลักสี่ ซึ่งอดีตพระสุวิทย์นำม็อบไปปิดล้อมหีบบัตรเลือกตั้ง ไม่ให้เคลื่อนออกมา จนบานปลาย แล้วมีการส่งมือปืนป๊อปคอร์นจาก กปปส.ลาดพร้าวมาสนับสนุน รัวปืนสงครามจนมีคนตาย ราวกับเกิดศึกสงครามกลางเมือง

ก็ไม่เคยได้ยินว่าอดีตพระผู้นำม็อบขณะนั้น ได้ใช้หลักศาสนาเพื่อคลี่คลายเหตุการณ์หรือหยุดยั้งการเข่นฆ่าเพื่อนมนุษย์แต่อย่างใด

เช่นนี้แล้ว ประชาชนวงกว้างก็ไม่แปลกใจ ที่จะต้องใช้คอมมานโดบุกเข้าชาร์จจับถึงวัดอ้อน้อย และต้องเป็นปฏิบัติการที่เด็ดขาด รวดเร็ว ฉับไว ไม่เช่นนั้นเดี๋ยวจะมีการ์ดเอวตุง มีม็อบมาขัดขวางอีก

จึงบอกได้ว่า เห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยกับปฏิบัติการคอมมานโดวันนั้น ก็แล้วแต่มุมมองและจุดยืน

แต่โดยรวมแล้ว ไม่มีใครมองอดีตพระสุวิทย์ในภาพเลื่อมใสในความเป็นสงฆ์มานานแล้ว

ขณะที่ข้อหาซึ่งตำรวจแจ้งกับอดีตพระสุวิทย์ คือ อั้งยี่ ซ่องโจร อันสะท้อนข้อเท็จจริง กรณีเป็นสงฆ์แต่ไปเป็นผู้นำม็อบการเมือง แล้วก็มีแต่เรื่องรุนแรงตรงข้ามกับหลักพุทธศาสนา

กับข้อหา ปลอมแปลงและใช้พระปรมาภิไธยที่ปลอมแปลง เพื่อใช้ในกิจกรรมจัดสร้างพระ เป็นข้อหาที่สะท้อนถึงปัญหารวมของวงการสงฆ์ ในเรื่องพุทธพาณิชย์แถมยังมีการแอบอ้างเบื้องสูงอีก

2 ข้อหานี้ อธิบายอะไรต่อมิอะไรได้ชัดเจน

จนกล่าวกันว่า เป็นคดีตัวอย่าง ที่วงการสงฆ์ต้องเรียนรู้และอย่าได้ประพฤติปฏิบัติอีก

//////

สุริวงค์ เอื้อปฏิภาน

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image