การประชุมพรรครวมพลังประชาชาติไทยเป็นครั้งแรกในวันอาทิตย์ที่ 3 มิถุนายน เป็นเรื่องที่สมควรแสดงการต้อนรับด้วยความยินดี
ไม่ว่าจะต่อ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ
ไม่ว่าจะต่อ นายเอนก เหล่าธรรมทัศน์
นี่ย่อมเป็นความกล้าหาญ เพราะอย่างน้อยก็จะทำให้รู้ว่า ทั้ง นายสุเทพ เทือกสุบรรณ และ นายเอนก เหล่าธรรมทัศน์ คิดอย่างไรในทางการเมือง
นอกเหนือจากที่เคยแสดงผ่าน “พรรคมหาชน”
นอกเหนือจากที่เคยนำการเคลื่อน
ไหวครั้งใหญ่ในห้วงปลายปี 2556 และต้นปี 2557 อันก่อปรากฏการณ์
“ชัตดาวน์” และขัดขวาง “การเลือกตั้ง”
อย่างอึกทึกครึกโครม
อย่าได้ไปหงุดหงิดกับ “โอกาส” ของพรรครวมพลังประชาชาติไทยเลย
การจดแจ้งชื่อต่อนายทะเบียนพรรคการเมืองในวันที่ 25 พฤษภาคม และได้รับไฟเขียวจาก คสช.ให้จัดประชุมพรรคได้ในวันที่ 3 มิถุนายน
อย่างนี้แหละเขาเรียกว่า “ลัดขั้นตอน”
หากมองจากบทบาทที่ผ่านมาของ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ในการนำมวลมหาประชาชนออกมาสำแดงพลังกระทั่งทำให้ “คสช.” สามารถก่อ “รัฐประหาร”
ต้องถือว่าเป็น “คุณูปการ” อันใหญ่หลวง
หากมองจากการที่ นายเอนก เหล่าธรรมทัศน์ สละเวลาเข้ารับตำแหน่งสมาชิก สปช.ตั้งแต่หลังรัฐประหารเมื่อเดือนพฤษภาคม 2557
และที่สุดยอมรับเป็นประธานคณะกรรมการปฏิรูปด้านการเมือง
ก็ต้องถือว่า นายเอนก เหล่าธรรมทัศน์ ดำรงอยู่ในสถานะแห่ง 1 ภายใน “แม่น้ำ 5 สาย” มาตั้งแต่ต้นอยู่แล้ว
จะแปลกอะไรหากพรรครวมพลังประชาชาติไทยจะได้รับสิทธิพิเศษ
เป็น “บัตรแข็ง” จาก คสช.ให้จัดประชุมได้ในวันที่ 3 มิถุนายน ทั้งๆ ที่แจ้งจดชื่อพรรคในวันที่ 25 พฤษภาคม เพียง 8 วันก็เรียบร้อย
แม้กระทั่ง กกต.ก็ยังงง-งง
ความรวดเร็วของพรรครวมพลังประชาชาติไทย หรือ รปช. ถือได้ว่าเป็นสัญญาณที่ดีในทางการเมือง ยืนยันว่ามีการเลือกตั้งอย่างแน่นอน
ที่ว่าจะไม่มีการเลือกตั้งล้วนเป็น “ข่าวลือ”
การที่ คสช.เร่งสปีด “การดูด” ผ่านพรรคพลังประชารัฐ และอำนวยความสะดวกอย่างเต็มที่ให้กับพรรครวมพลังประชาชาติไทย
จึงเท่ากับยืนยันความพร้อมทางการเมือง
เมื่อนำไปประสานเข้ากับการตระเตรียมผ่าน 1 พรรคประชาชนปฏิรูป 1 พรรคพลังชาติไทย 1 พรรคพลังธรรมใหม่ 1 พรรคทางเลือกใหม่ และการแตะเข้าไปยังอดีต ส.ส.ในบางกลุ่ม บางซุ้มทางการเมืองที่ชลบุรี สุโขทัย นครราชสีมา
ก็เท่ากับความพร้อมของการต่อท่อ “อำนาจ” ได้เริ่มขึ้นแล้ว
จึงควรแสดงความยินดีกับพรรครวมพลังประชาชาติไทย จึงควรแสดงการต้อนรับการสำแดงพลังดูดของพรรคพลังประชารัฐ
เพราะทั้งหมดนี้ล้วนเป็น “สัญญาณ”
อย่างน้อยก็บ่งบอกและยืนยันว่า โรดแมป “การเลือกตั้ง” จะต้องเกิดขึ้นแน่ อย่างน้อยที่สุดก็ไม่น่าจะเกินปี 2562 อย่างแน่นอน
คำถามจึงอยู่ที่ว่าจะ “ปลดล็อก” เมื่อใด
