“สมคิด” แย้มรบ.เตรียมออกโครงการประชารัฐโครงการใหม่ ให้ชุมชนคิดโครงการเพื่อสร้างตัวในการเป็นเถ้าแก่น้อย ดึงร้านสะดวกซื้อมารับของไปขาย อัดพรรคการเมืองอย่าเคลมกองทุนหมู่บ้าน ชี้ตัวเองเป็นคนก่อตั้งต้องเป็นนโยบายของรัฐ ฝากปชช.นึกถึงประชารัฐให้นึกถึงบิ๊กตู่ วอนอย่าเชื่อการปลุกปั่น
วันนี้ (22 มกราคม) นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวระหว่างการตรวจราชการ ว่า ต้องขอบคุณที่สละเวลามาต้อนรับ อยากเรียนว่าได้เห็นสิ่งต่างๆ ในวันนี้มันทำให้พวกตนมีกำลังใจที่จะทุ่มเททำงานให้กับพี่น้องเกษตรกร อยากเรียนว่าวันนี้พวกเราทุกคนเข้าใจถึงความยากลำบาก ตระหนักดีถึงความทุกข์ยากของเกษตรกร ลำพังก็ยากจนอยู่แล้ว มาปีนี้ปีหน้าราคาสินค้าก็ตกต่ำเพราะราคาน้ำมันตกทั่วโลก และราคาสินค้ามันตามราคาน้ำมันคือราคาตกทั้งโลก เกษตรกรทั้งโลกลำบากไม่ใช่เฉพาะพวกเรา แต่ท่านนายกฯเป็นห่วงกังวลบางครั้งหงุดหงิดเพราะอยากจะลงไปช่วยให้เร็ว แต่มันไม่ได้ดั่งใจแต่ทุกคนก็พยายามเต็มที่ เมื่อราคาสินค้าตกต่ำสิ่งที่รัฐบาลพยายามช่วยคือช่วยชดเชย จ่ายเงินช่วยเหลือ ซึ่ง 2 เดือนที่ผ่านมากระทรวงมหาดไทยออกโครงการตำบลละ 5 ล้านบาทเพื่อลงไปช่วยเกษตรกร แต่บางครั้งการช่วยเหลือจำนวนมาก ขั้นตอนก็มีมากและเราต้องการให้ดีที่สุดก็อาจจะช้าไปบ้าง แต่รมว.มหาดไทยก็พยายามเร่งให้เงินไปถึงข้างล่าง และการช่วยเหลือไม่ได้มาจากราชการเท่านั้น บางครั้งนายกฯอยากให้ชาวบ้านพูดกันเองผ่านกองทุนหมู่บ้าน
“และกองทุนหมู่บ้าน ที่เป็นเครื่องมือของรัฐทุกรัฐบาล ไม่ใช่ของพรรคการเมืองใดพรรคการเมืองหนึ่ง ผมเป็นคนที่มีส่วนร่วมในการก่อตั้งกองทุนหมู่บ้านเมื่อ 10 กว่าปีที่แล้ว ไม่ต้องการให้พรรคการเมืองใดมาเคลมว่าเป็นของพรรคการเมืองเหล่านั้น กลไกที่ดีในการช่วยเหลือคนยากจนได้มันต้องเป็นเครื่องมือกลไกของรัฐบาลที่ช่วยเหลือคนไทยทุกคน” นายสมคิดกล่าว
นายสมคิดกล่าวว่า กองทุนหมู่บ้านจัดสรรไปแล้ว 6 หมื่นกว่าล้านบาท ผ่านสินเชื่อของธนาคารซึ่งเชื่อว่าเม็ดเงินไปถึงข้างล่างแล้ว แต่แค่นั้นไม่พอเพราะนายกฯบอกว่าสิ่งที่จะช่วยไม่ใช่แค่ว่าเอาเงินไปแจก เราต้องการรดน้ำที่รากไม่ต้องการรดน้ำที่ใบ ต้องการให้รากแข็งแรงเพื่อพี่น้องจะได้เข้มแข็งในอนาคตข้างหน้าลูกหลานมีความเข้มแข็ง ไม่ใช่ว่าขายแต่สินค้าราคาถูก ปีไหนมีน้ำก็ปลูกได้ดี ปีไหนไม่มีก็ปลูกไม่ได้ดี ชีวิตขึ้นอยู่กับธรรมชาติอย่างเดียวไม่ได้ ดังนั้นในเวลาไม่นานนักนายกฯกำลังให้พวกตนเสนอโครงการประชารัฐโครงการใหม่่ที่จะไปช่วยพัฒนาความเข้มแข็งของชนบท
“เข้มแข็งยังไง ต่อจากนี้จะไม่ใช่ว่าแค่ให้สินเชื่อไปกู้ยืมไปใช้ แต่จะให้ทุกตำบลทุกหมู่บ้านเอาเงินเหล่านี้ไปดูสิว่าท่านจะเอาเงินเหล่านี้ไปต่อยอดความเข้มแข็งให้กับท่านทำอะไรได้บ้าง เพิ่มรายได้ได้อย่างไร ท่านเห็นตัวอย่างที่มาตั้งอยู่แล้ว ลำพังปลูกข้าวอย่างเดียวราคามันตก ถ้าไม่ทำอะไรเลยมันก็จน ปลูกยางอย่างเดียวไม่ทำอะไรเลยท่านก็แย่ สิ่งที่ต้องทำคือว่าปลูกอะไรที่มันมากกว่าสิ่งท่านปลูกอยู่ เอาสินค้าที่ใช้น้ำน้อยเวลาน้ำแล้งก็ทำได้ เมื่อสักครู่นักข่าวมาบอกผมว่ามีเกษตรกรอยู่ท่านหนึ่งทดลองปลูกถั่วเขียวได้กำไรต่อไร่ 4,000บาท สิ่งสำคัญคือมันไม่ใช่ถั่วเขียวอย่างเดียว มันมีถั่วเหลือง ข้าวโพด ผักสวนครัวและกระทรวงเกษตรและสหกรณ์จะนำพันธุ์สัตว์เป็ดไก่ไปแจกเกษตรกร สิ่งเหล่านี้เราต้องช่วยตัวเองให้มีความหลากหลายก่อน ทดลองมันดู อย่าไปกลัว นี่จะเป็นตัวช่วยให้เรามีรายได้จุนเจือครอบครัวได้” รองนายกฯกล่าวว่า
นายสมคิดกล่าวว่า สิ่งที่สองเรื่องความเข้มแข็ง ถ้าเกษตรกรจะปลูกข้าวท่านต้องมีลานตาก โรงสีชุมชนมียุ้งฉาง โรงระอุข้าว เครื่องเก็บเกี่ยว สิ่งเหล่านี้เกษตรกรแต่ละคนไม่มีเงินพอ
“ฉะนั้นประชารัฐล็อตใหม่โดยท่านนายกจะลงไปข้างล่าง หมายความว่าชุมชนจะต้องประชุมคิดกันเองว่าจะเอาเงินเหล่านี้ไปสร้างเครื่องสีข้าว จะสร้างยุ้งฉางขนาดเล็กไหม ไปเช่ารถแทร็กเตอร์ไปเก็บเกี่ยวไหม ไปทำโรงงานแปรรูปเล็กหรือไม่ เพราะข้าวแต๋นที่ผมกินเมื่อสักครู่มันอร่อยมาก เขาขายผ่านโลตัสทั่วประเทศ ท่านที่เคารพอนาคตข้างหน้าเราจะเอาตลาดมาไว้ที่นี่ไม่ใช่ให้ท่านไปหาตลาด ประชารัฐจะมีโครงการตลาดประชารัฐลงสู่ทุกชุมชน ไม่เพียงเท่านั้นรัฐบาลและท่านนายกฯได้ขอร้องให้ภาคเอกชนร้านสะดวกซื้อทั้งหลายมาช่วยกันรับซื้อสินค้าจากเกษตรกร ฉะนั้นแปลว่าสินค้าที่ผลิตได้จะมีโอกาสและช่องทางและตลาดได้มากขึ้น” รองนายกฯ กล่าว
นายสมคิดกล่าวว่า เมื่อวานนี้สั่งการกระทรวงพาณิชย์ว่าแหล่งท่องเที่ยวดีๆ ในต่างประเทศ เช่นเวียดนามเขามีสินค้าท้องถิ่นไปขายที่นั่น คนต่างประเทศนับหมื่นนับแสนไปซื้อของเหล่านั้น ตนถามว่าทำไมโอท็อปของเราไม่มีขาย ณ จุดเหล่านั้นบ้าง ก็ให้นโยบายว่าต้องกระจายสินค้าไปสู่แหล่งท่องเที่ยวให้ได้ กระทรวงท่องเที่ยวฯเขากำลังจะสร้างแหล่งท่องเที่ยวในประเทศไม่ใช่ไปต่างประเทศ หมายความว่าหนึ่งตำบลจะต้องมีแหล่งท่องเที่ยวหนึ่งแห่ง ให้นักท่องเที่ยวเข้ามา แล้วมีตลาดกลางจากกระทรวงพาณิชย์มารับซื้อผัก ผลไม้ และผลิตภัณฑ์ที่ปลูกได้ไปให้ประชาชน มีการแปลกเปลี่ยนระหว่างประชารัฐแต่ละตำบลกับตำบล จังหวัดกับจังหวัด
“ท่านอาจจะไม่เข้าใจในวันนี้ แต่มันก็คือการลงทุนในวิทยาการที่จะทำให้ทุกชุมชนทุกหมู่บ้านในอนาคตสามารถมีเทคโนโลยีเพียงพอที่จะค้าขายผ่านอินเตอร์เน็ตได้ ท่านสามารถขายผ่านสหกรณที่เข้มแข็ง เรียนรู้วิธีการใช้ สามารถขายสินค้าของท่านไปโดยตรงในโลกผ่านเว็บไซต์ เราจะช่วยท่านในสิ่งต่างๆ” รองนายกฯกล่าว
รองนายกฯกล่าวว่า สิ่งต่างๆ จะเกิดขึ้นได้ต้องเกิดจากภาครัฐ เอกชนที่มีความรู้ เขาจะมาช่วยท่าน และพวกท่านเองจะเป็น “สมาร์ทฟาร์เมอร์” เราไม่ต้องการให้เป็นเกษตรกรจนๆ หน้าดำๆ ตัวคล้ำผิวเกรียม เราต้องการให้เกษตรกรเป็นเถ้าแก่น้อยๆ ในอนาคตให้ได้ ธ.ก.ส. และธ.ออมสินกำลังจะออกแพคเกจ 1 ตำบล 1 เอสเอ็มอี เกษตรกรอุตสาหกรรม คือเราจะยกระดับเกษตรกรเป็นเถ้าแก่น้อยให้ได้ ที่ต้องหาผู้นำในชุมชนที่มีความสามารถสร้างให้เขาเป็นผู้ประกอบการ รู้จักยกระดับมูลค่าสินค้าให้ดี สร้างยี่ห้อดีไซน์หีบห่อ ติดต่อตลาด ขายในต่างประเทศ แล้วช่วยเหลือคนในชุมชนทุกคนจะได้เรียนรู้ว่ามันทำกันอย่างไร
“ทำไมเกษตรกรถึงเป็นเกษตรกรทั้งชาติ ทำไมพ่อค้าคนกลางถึงเป็นพ่อค้าคนกลางทั้งชาติ จากนี้เราต้องการให้เป็นเเถ้าแก่น้อยเหมือนที่ญี่ปุ่น เกาหลี ไต้หวันเขาทำกันได้ สิ่งเหล่านี้นายกฯกำชับแล้วกำชับอีก แต่ข่าวที่ออกไปมันน้อย เกษตรกรมีจำนวนมาก การเมืองมี ส.ส. มี ส.จ. เขาก็จะไปบอกว่าอะไรเป็นอะไร แต่การเมืองวันนี้มีความไม่เป็นปกติ เราทะเลาะเบาะแว้งกันมาเป็น10ปีแล้ว ทะเลาะจนลาวจะข้ามหัวเราแล้ว พวกเราไม่ต้องห่วง จะเลือกพรรคการเมืองอะไรเลือกตามใจชอบเมื่อมีการเลือกตั้ง แต่ระหว่างที่ยังไม่มีการเลือกตั้งท่านนายกฯบอกแล้วว่าจะพยายามทำให้พวกท่านยืนขึ้นมาให้ได้ อย่าไปหลงเชื่อกับคำปลุกปั่น การบิดเบือนมันไม่ช่วยอะไรเลย มันมีแต่ทำให้คนไทยเราทะเลาะกันเอง แล้วมันก็จะค่อยๆ ตกลง และค่อยๆ จมดินไปในที่สุด เราไม่ต้องการให้เป็นอย่างนั้น คนไทยต้องสามัคคี เพลงแบบท่านนายกฯแต่งออกมาร้องได้หรือไม่ 1 มือ 1 ลมหายใจมันไม่พอหรอก ทุกคนต้องร่วมมือต่อลมหายใจกัน เมื่อนั้นเมืองไทยมันจะเจริญ” รองนายกฯกล่าว
“ฉะนั้นถ้าท่านได้ยินคำว่าประชารัฐเมื่อไรขอให้ท่านสนับสนุน และขอให้ท่านนึกถึงท่านนายกฯที่พยายามปลุกปั้นโครงการนี้ขึ้นมา อย่าหลงเชื่อกับคำยุยงคำปลุกปั่น ไม่มีสิ่งใดดีหรอกครับ ขอบคุณครับ” นายสมคิดกล่าว
ขณะที่ พล.อ.อนุพงษ์กล่าวว่า ปัญหายาเสพติดที่ยังคงมีอยู่ โดยระบุว่าเป็นปัญหาสำคัญที่ต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วนเพราะเป็นต้นตอของปัญหาสังคมอย่างหนึ่ง จึงต้องช่วยกันเร่งแก้ปัญหาดังกล่าว โดยทุกภาคส่วนต้องร่วมมือกัน อย่างไรก็ตามในขณะที่รัฐบาลกำลังทำงานก็ยังมีคนคอยบิดเบือนข้อมูล อย่างโครงการกองทุนหมู่บ้าน หมู่บ้านละ 5 ล้านบาทหากทำเร็วเกินไปก็โจมตีว่าอาจมีการทุจริตแต่หากทำช้าก็ไม่ทันใจชาวบ้าน