“บิ๊กตู่” เตือน ไตร่ตรองก่อนเชื่อ คสช.จ้อง”สืบทอดอำนาจ” ยันมาเพื่อสร้างอนาคต

เมื่อเวลา 14.10 น. ที่อาคารชาเลนเจอร์ อิมแพ็ค เมืองทองธานี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นประธานมอบนโยบายการดำเนินงานแก่ภาครัฐ เอกชนและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทั่วประเทศซึ่งทางกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา จัดการประชุมเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวในท้องถิ่นตามนโยบายรัฐบาล”พลังท้องถิ่นขับเคลื่อนประชารัฐเพื่อการท่องเที่ยว” โดยนายกรัฐมนตรีกล่าวตอนหนึ่งว่า บางเวลาตนต้องมีอารมณ์บ้าง เพราะการทำงานที่ต้องเร่งรีบ เร่งรัดกับเวลาที่มีอยู่ยอมรับว่าร้อนใจมาก ที่จะทำให้ประเทศไทยมั่นคงแข็งแรงซึ่งทั้งหมดไม่ใช่เพื่อตนเองแม้สักนิด

“ขอความกรุณาว่า ฟังอะไรมาขอให้ไตร่ตรองด้วยหลักการและเหตุผล รวมทั้งสิ่งที่ผมได้แสดงทุกวันนี้ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการสืบทอดอำนาจ ทุกคนมัวแต่ไปมองเรื่องแบบนี้เลยลืมไปว่า รัฐบาลทำอะไรอยู่ประเทศไทยมีปัญหาตรงไหนท้ายที่สุดก็กลับมาสู่ความขัดแย้งอยู่ในวังวนเดิมๆอยากถามว่า แล้วเราจะอยู่กันได้อย่างไร วันนี้ผมถือว่าได้มาอยู่กับทุกคนที่จะช่วยเหลือผมเพื่อกอบกู้ประเทศไทยให้มั่นคง มั่นคั่ง และยั่งยืน สร้างอนาคตเพื่อลูกหลานในอีก 20 ปีข้างหน้าซึ่งไม่ได้หมายความว่าผมจะอยู่ต่อกับท่าน แต่ 20 ปีหมายถึงเป็นการกำหนดยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปีให้ควบคู่กับการเมืองจะกำหนดด้วยการเมืองอย่างเดียวไม่ได้และผู้ที่มาวันนี้ถือว่าทุกคนเป็นคนดีผมไม่เคยมองคนว่าเป็นคนร้ายจะมองคนว่าเป็นคนดีก่อนและดูที่การกระทำที่สามารถพิสูจน์ได้แต่ถ้าทำไม่ดีจริงมีหลักฐาน ผมถึงจะลงโทษผมเป็นทหารมาเกือบ 40 ปีลงโทษทหารไม่มากเพราะมีเหตุผลอะไรที่ปรับปรุงและตักเตือนได้จากเบาไปหาหนักกองทัพถึงอยู่ได้และกองทัพไม่ใช่ของใครคนใดคนหนึ่ง ไม่ใช่ของผมแต่เป็นของแผ่นดินนี้ขอร้องอย่าไปรังเกียจทหารหรือตำรวจทุกคนถ้าจะดีก็ดีเพราะผู้นำผู้นำสูงสุดคือคนแบบผมถ้าจะดีคนที่ยืนตรงนี้ต้องดีด้วยต้องตีกรอบว่าจะทำงานกันอย่างไร เอาประชาชนเป็นศูนย์กลางอปท.ทั้งหมดถือว่าอยู่กับประชาชนทั้งสิ้น” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า คำขวัญหรือคติพจน์ของทหารคือ เพื่อชาติ ศาสน์ กษัตริย์ วันนี้เมื่อมาเป็นรัฐบาลก็ยึดในคำเดิมเพราะถือเป็นหลักการของประเทศไทย ใน 3 เสาหลักที่เป็นกำลังใจ และจุดยืนถ้าทำทั้ง 3 สิ่งทุกคนจะเจริญก้าวหน้าและสิ่งสุดท้ายที่ยึดถือคือการทำเพื่อประชาชนซึ่งถือเป็นพี่น้อง ลูกหลานของทุกคน ไม่ว่าจะเป็นใครเป็นทหารก็ถือเป็นลูกหลานของพวกเรา วันนี้ประเทศไทยต้องเคารพกฎหมายเพราะเป็นบ่อเกิดของความเท่าเทียมไม่มีอะไรในโลกนี้ที่จะมีความเท่าเทียมกันได้ นอกจากการบังคับใช้กฎหมายด้วยความเท่าเทียม ใครผิดก็ต้องถูกลงโทษเข้าสู่กระบวนการในการต่อสู้คดีตนไม่เคยไปละเมิดกระบวนการยุติธรรมใคร แม้ตนจะมาอย่างนี้ก็ตาม ไม่เคยเลือกข้างใครทั้งสิ้น เพราะถือว่าทุกคนคือคนไทยสิ่งที่เกิดขึ้นในอดีตที่ผ่านมามันต้องเลิกทั้งหมดเพื่อให้กลับมาเป็นประเทศที่น่าอยู่ไม่ใช่เจอหน้าก็ต้องเตะต้องต่อยกันดูทีวีช่องเดียวกันไม่ได้มันไม่ใช่ถ้าเราต้องการคำว่าเสรีประชาธิปไตยก็ต้องอยู่ภายใต้กฎหมาย วันนี้ตนมีหน้าที่ในการบังคับใช้กฎหมายในการนำคนเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมแล้วก็ไปสู้คดีความกันก็จบ

“การใช้คำสั่งตามมาตรา 44 ผมต้องการให้นำไปสู่กระบวนการตรวจสอบไม่เช่นนั้นมันไม่ชัดเจนก็จะถูกกล่าวหาผมต้องการให้ทุกคนพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตัวเองเพราะอีกไม่นานก็ต้องกลับไปสู่วงจรของการเลือกตั้งท้องถิ่นเองก็ต้องเลือกตั้งแล้วผมจะไปทำร้ายท่าน ทำไมเพียงแต่วันนี้ต้องทำให้ทุกอย่างสงบให้ได้ก่อน อย่าลืมว่าที่ผ่านมามันเกิดอะไรขึ้น บางพื้นที่บางบ้านก็เกิดความรุนแรงผมเองอยู่ในกรุงเทพฯมันทรมานมานานเต็มทีแต่ผมก็ทำงานไม่เคยขัดแย้งกับใคร อดีตนายกฯ สั่งผมก็ทำในสิ่งที่ถูกต้องผมทำทุกอย่าง แต่ถ้ามันไม่ถูกผมก็เตือนบอกว่าสิ่งนี้มันไม่ดีต้องแก้ไขผมต้องพูดในฐานะข้าราชการที่ดีและผมก็อยู่กับหลายรัฐบาลมาแล้วอย่างไปมองย้อนกลับไปว่าเข้าข้างนั้นข้างนี้ มันคนละเรื่องที่ผมต้องพูดเพราะอดไม่ได้พูดแล้วก็เสียงดังเพราะอารมณ์อ่อนไหวง่ายอารมณ์ผมก็เดี๋ยวดี เดี๋ยวร้ายแต่ผมมีเจตนาดี 100 เปอร์เซ็นต์ถ้าทุกคนร่วมมือกันไม่มองย้อนกลับไปข้างหลังเชื่อมั่นว่าประเทศจะไปได้แน่เราต้องเข้มแข็งด้วยตัวของเราเองปัญหาของประเทศทุกวันนี้คือการไม่เคารพกฎหมายรู้ว่าผิดก็ยังทำกันอยู่แต่ถ้ายอมรับความจริงยอมเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมจะ 5 หรือ 10 ปี ก็สู้กันไป วันนี้หลายคนซึ่งผมเองเป็นคนอนุมัติให้ลดโทษ บรรเทาโทษไม่ใช่ผมจะเอาให้ตายทั้งๆที่สามารถใช้อำนาจได้จนถึงม.47 แต่ผมก็ไม่เคยใช้ไม่เคยสั่งแต่ทั้งหมดที่ใช้ก็เพื่อให้เกิดการบูรณาการ ไม่ให้เกิดการติดขัดถือเป็นการเริ่มต้นการบูรณาการอย่างแท้จริง”

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ในการทำหน้าที่จะต้องดูแลทุกคนให้เท่าเทียมไม่ใช่ดูแลเฉพาะคนที่เลือกทำงานโดยไม่เลือกฝ่ายก็จะเกิดความไว้เนื้อเชื่อใจซึ่งก็ตรงตามหลักการที่ตนวางไว้ รวมทั้งลดการหวาดระแวงและแบ่งปันผลประโยชน์ให้เท่าเทียมหน้าที่ของตน วันนี้ก็ไม่ใช่ดูแลเพียงจังหวัดใดจังหวัดหนึ่งไม่ใช่ดูแลเฉพาะทหาร ตำรวจวันนี้ตนเป็นนายกรัฐมนตรีแม้จะไม่อยากเป็นก็ตามทำให้หน้าที่ของตนมากกว่าเดิมและสอนตัวเองทุกวันเสมอว่าอย่าลำเอียงอย่าเข้าข้างใครเป็นพิเศษจะไม่พบใครทั้งสิ้นเป็นการส่วนตัว ยกเว้นภรรยา และลูกเพราะจะทำให้เกิดความหวาดระแวงตนเข้ามาทำงานไม่ใช่เพราะคะแนนเสียงที่ใครเลือกเข้ามาจึงไม่จำเป็นต้องทำเพื่อคะแนนเสียงของตัวเอง ไม่ต้องการให้ใครมารักชอบยิ่งไปไหนชาวบ้านเข้ามาแสดงความยินดียิ่งสะท้อนใจว่าทำไมต้องมาฝากความหวังไว้ไม่มีคนอื่นหรืออย่างไร มีพรรคการเมืองอีกตั้งมากทำไมต้องเหลือมาถึงตนเองด้วยดังนั้นทุกคนต้องช่วยกันไม่ให้ประชาชนไปเลือกคนที่ไม่ใช่กลไกประชาธิปไตยการออกคำสั่งต่างๆออกไปยอมรับว่าไม่สบายใจขอร้องว่าทำอะไรอย่าแบ่งประชาชนให้ออกเป็นฝักเป็นฝ่ายยอมรับว่าคนไทย 70 ล้านคน ตนทำให้มีความสุขพร้อมกันไม่ได้เพราะความต้องการมีมาก และขาดหายมาหลายปีถ้าไม่ปรับเปลี่ยนวิธีการในการบริหารบ้านเมืองก็จะเป็นอยู่แบบนี้และวันข้างหน้าก็จะเสื่อมต่อไปแล้วอีก 20 ปีข้างหน้าเราจะอยู่กันอย่างไรถ้ายังมีความขัดแย้งแบบนี้

ADVERTISMENT