‘บิ๊กตู่’ ร่ายยาวงบ 3 ล้านล้าน งบมั่นคงพุ่ง 3.3 แสนล้าน ยันทำดีที่สุด เตือนด่าผู้นำต้องระวัง

“บิ๊กตู่” ร่ายยาว เสนองบ 3 ล้านล้าน ยันทำทุกอย่างดีที่สุด ชี้ปัญหาอยู่ที่คน แนะเลือกนายกฯต้องเลือกคนที่ขยันทำงาน เตือน ด่าผู้นำต้องระวัง

เมื่อเวลา 10.15 น. วันที่ 7 มิถุนายน ที่รัฐสภา มีการประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) โดยนายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธาน สนช.ทำหน้าที่ประธานการประชุม เพื่อพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2562 วงเงิน 3 ล้านล้านบาท ที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) เป็นผู้เสนอ โดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้กล่าวนำเสนอสาระสำคัญของร่างกฎหมาย ตอนหนึ่งว่า งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2562 จำแนกตามยุทธศาสตร์ 6 ด้าน ได้แก่ 1.ยุทธศาสตร์ด้านความมั่นคง รัฐบาลได้จัดสรรงบประมาณรายจ่ายไว้เป็นจำนวนทั้งสิ้น 329,239.6 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 11 ของวงเงินงบประมาณ 2.ยุทธศาสตร์ด้านการสร้างความสามารถในการแข่งขันของประเทศ รัฐบาลได้จัดสรรงบประมาณรายจ่าย ไว้เป็นจำนวนทั้งสิ้น 406,496 ล้านบาท 3.ยุทธศาสตร์ด้านการพัฒนาและเสริมสร้างศักยภาพคน รัฐบาลได้จัดสรรงบประมาณรายจ่าย ไว้เป็นจำนวนทั้งสิ้น 560,884.9 ล้านบาท

นายกฯกล่าวว่า 4.ยุทธศาสตร์ด้านการแก้ไขปัญหาความยากจน ลดความเหลื่อมล้ำและสร้างการเติบโตจากภายใน รัฐบาลได้จัดสรรงบประมาณรายจ่าย ไว้เป็นจำนวนทั้งสิ้น 397,581.4 ล้านบาท 5.ยุทธศาสตร์ด้านการจัดการน้ำและสร้างการเติบโตบนคุณภาพชีวิตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน รัฐบาลได้จัดสรรงบประมาณรายจ่าย ไว้เป็นจำนวนทั้งสิ้น 117,266 ล้านบาท และ 6.ยุทธศาสตร์ด้านการปรับสมดุลและพัฒนาระบบบริหารจัดการภาครัฐ รัฐบาลได้จัดสรรงบประมาณรายจ่าย ไว้เป็นจำนวนทั้งสิ้น 838,422.2 ล้านบาท

“เมื่องบประมาณมีวงเงินสูงขนาดนี้ หลายคนบอกว่าอาจจะมีการทุจริตอีก ผมถามว่าถ้าคิดอย่างนี้ก็คงทำอะไรไม่ได้ เพราะต้องมองว่างบประมาณวันนี้ทำครบหรือเปล่า และเหมาะสมหรือไม่ แต่ถ้าบอกตั้งแต่แรกมีงบประมาณมากแล้วจะเกิดทุจริต ก็คงทำอะไรกันไม่ได้ การทุจริตเป็นอีกขั้นตอนหนึ่งที่ต้องใช้กลไกในการตรวจสอบไปดำเนินการตามกฎหมาย รัฐบาลนี้ตรวจสอบทุกวัน ขออย่าให้ใครเอาไปใช้ประโยชน์ด้วยบิดเบือน แน่นอนว่าการทุจริตไม่ได้อยู่ที่ระบบหรือกฎหมาย แต่อยู่ที่คนทั้งสิ้น เราต้องพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ให้มีหลักคิดที่ถูกต้อง ไม่ใช้ความรู้สึก การใช้กฎหมายต้องไม่สร้างภาระ กล่าวคือ ไม่ทำอะไรในสิ่งที่ไม่ควร เจ้าหน้าที่และประชาชนที่ดีก็มี เจ้าหน้าที่ที่ขี้โกงก็มี มันเป็นคนนะครับ อย่าโทษระบบแต่เพียงอย่างเดียว” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

Advertisement

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวต่อว่า การใช้จ่ายงบประมาณสิ่งที่สำคัญที่สุด คือ การจัดการเป็นภาค เพราะแต่ละภาคมีศักยภาพที่แตกต่างกัน แต่ต้องหาวิธีการเชื่อมโยงด้วยโครงสร้างพื้นฐาน อย่างวันนี้ก็เริ่มไปเยอะแล้ว โดยเฉพาะดิจิทัลที่ต้องไม่สำเนาทะเบียนราษฎร์นี่คือสิ่งที่มันเกิดขึ้น กว่าจะเกิดขึ้นก็ต้องใช้เวลาถึง 40 เดือน ไม่ได้แค่ประชุมวันนี้พรุ่งนี้ ตนก็ตรวจทุกวัน ถ้าอันนี้ไม่เหมาะสม สั่งให้ไปทำใหม่ ให้ไว้ใจกันตรงนี้ ตนไม่ได้ให้ไปแบบส่งเดชไปเรื่อยที่แบบว่าใครขอมาก็ให้ วันหน้าต้องเป็นแบบนี้ นายกรัฐมนตรีต้องเป็นแบบนี้ ต้องซื่อสัตย์ มีคุณธรรม ต้องดูให้ทั่วถึง ทุกโครงการต้องทำให้สอดคล้องกับความต้องการของประเทศ ทั้งการแก้ไขปัญหาในอดีต ปัจจุบัน และลงทุนเพื่ออนาคต มันจะยังไม่เกิดผลวันนี้ แต่ตนถามว่าที่ผ่านมาได้เคยลงทุนเพื่ออนาคตกันบ้างหรือไม่ วันนี้แสดงให้เห็นว่าทุกภาคได้เงินใกล้เคียงกัน เป็นรัฐบาลของคนทั้งประเทศ ให้คนทั้งประเทศได้รับประโยชน์ ไม่ได้ให้เฉพาะกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง ตนหวังเป็นอย่างยิ่งว่าวันหน้ารัฐบาลที่พวกท่านคาดหวังกันต้องให้เขาทำให้ได้แบบนี้ก็แล้วกัน ก่อนจะไปถึงการเลือกตั้ง เรามาคุยกันเรื่องนี้ได้ไหมว่าพรรคการเมืองใดจะเสนอแนวทางการทำงานมากกว่าที่จะบิดเบือนต่อว่ากันไปกันมา แบบนั้นมันก็กลับที่เดิมทั้งหมด สร้างความเกลียดชังจนกระทั่งหาสาระไม่ได้ ซึ่งขอฝากไว้ด้วยแล้วกัน

นายกฯกล่าวอีกว่า ด้านการปฏิรูปประเทศ ได้ทำแผนและทำเป็นกฎหมายออกมาแล้ว การปฏิรูปประเทศไทยนั้นมีปัญหาเรื่องงบประมาณไม่เพียงพอและการเปลี่ยนแปลงในเชิงโครงสร้าง ซึ่งมันต้องใช้เวลา เหมือนกับต่างประเทศเวลาการปฏิรูปประเทศก็ใช้เวลาหลายปี อย่างจีนก็เปลี่ยนมาเป็นหนึ่งประเทศสองระบบ ถามว่าประเทศไทยทำแบบนั้นได้ไหม ก็ทำไม่ได้ ระบบเดียวยังไม่ได้เลย เพราะมันทะเลาะกันไม่เลิกแบบไม่มีเหตุผลไม่มีหลักการและไม่คิดถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นแบบปากต่อปาก ในสื่อสังคมออนไลน์ มันเป็นสถานการณ์ที่สร้างความขัดแย้งและเป็นปัญหามา 10 ปีแล้ว มันต้องแก้วันนี้ ต้องแก้ให้ได้ก่อนการเลือกตั้ง และเป็นไปตามโรดแมปที่กำหนดไว้แล้วทั้งสิ้น

“อยู่มา 4 ปีแล้ว นี่เป็นปีที่ 4 แล้วที่แถลง ส่วนตัวผมเองและคณะรัฐมนตรีก็เห็นว่าทุกอย่างมีการพัฒนาทั้งหมด ผมอยากให้ทุกคนช่วยอ่านหนังสือเรื่องการปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่ 4 เพื่อช่วยกันคิดว่าจะพัฒนาอย่างไรให้ประเทศไทยเดินหน้า ดังนั้น หวังว่า สนช.จะสนับสนุนกฎหมายฉบับนี้ และขอให้ฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาลต่อไปร่วมกันเดินหน้าประเทศไทยให้ถึงทุกกลุ่ม และต้องไม่ให้เกิดช่องว่างหรือความเหลื่อมล้ำเพื่อลดความยากจน ขอขอบคุณประธาน สนช.และสมาชิก สนช. ถ้าผมพูดอะไรแรงไปก็ขอโทษด้วย ผมก็คือผม ความเป็นมนุษย์สูงหน่อย นายกรัฐมนตรี คือ ตำแหน่ง ดังนั้น จะมาหมิ่นตำแหน่งนายกฯไม่ได้ ถ้าจะด่าก็ด่าผมได้ แต่ถ้าผมเป็นนายกฯอยู่ เวลาด่าผม ก็กรุณาระวังหน่อยแล้วกัน ตำแหน่งนายกฯเป็นตำแหน่งที่มีเกียรติ ผมอยากรักษาให้ตำแหน่งนี้มีเกียรติ และต้องขอขอบคุณคณะรัฐมนตรีที่ร่วมทำงานมาอย่างสาหัส” นายกฯกล่าว

Advertisement

 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image