วันที่ 7 เมษายน พรรคเพื่อไทย ได้ออกคำแถลงเรื่อง หยุดสร้างบรรยากาศความหวาดระแวง ยุติการคุกคามสิทธิเสรีภาพของประชาชน มีรายละเอียดดังนี้
โดยที่ประเทศไทยยึดหลักการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และมีรัฐธรรมนูญซึ่งเป็นกฎหมายสูงสุดรับรองและคุ้มครองสิทธิ เสรีภาพของประชาชน แต่เหตุการณ์นับแต่ “คสช.” เข้ามารับผิดชอบในการบริหารราชการแผ่นดิน เป็นเวลาเกือบ 2 ปีแล้ว ได้เกิดภาวการณ์อันเป็นการละเมิดต่อสิทธิมนุษยชนและเสรีภาพของประชาชนอย่างต่อเนื่อง
เห็นได้จากการที่ผู้มีอำนาจในสังคมยังคงใช้ทหารเข้าควบคุมตัวบุคคลที่แสดงความคิดเห็นในเรื่องต่างๆ ที่ไม่ตรง หรือแตกต่างจากผู้มีอำนาจในปัจจุบัน ทั้งที่เรื่องต่างๆ ดังกล่าวเป็นสิทธิ เสรีภาพขั้นพื้นฐานที่พึงมีและมีการรับรองไว้ในรัฐธรรมนูญ ตามปฎิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชนและกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง ซึ่งประเทศไทยเป็นภาคีอยู่
การควบคุมตัวบุคคลที่เห็นต่างเพื่อนำไปปรับทัศนคติ และ/หรือการประกาศที่จะใช้มาตรการนำสื่อมวลชนหรือนักการเมือง นักวิชาการ เข้าอบรมในค่ายทหาร แม้จะพยายามเบี่ยงเบนอ้างว่าเป็นการอบรมผู้นำอย่างสร้างสรรค์นั้น แท้ที่จริงแล้วคือ มาตรการการป้องปรามหรือคุกคามให้เกิดบรรยากาศความหวาดกลัวและหยุดการแสดงความเห็น เพื่อร่วมกันหาหนทางออกให้กับประเทศชาติ
นอกจากนั้น การประกาศคำสั่ง คสช.ที่ 13/2559 ซึ่งมอบอำนาจให้เจ้าหน้าที่ทหารยศตั้งแต่ร้อยตรีขึ้นไป มีอำนาจอย่างกว้างขวางเหนืออำนาจศาลและเหนืออำนาจเจ้าพนักงานผู้มีหน้าที่โดยทั่วไป ในการจับกุม คุมขัง ตรวจค้น ยึดสิ่งของต่างๆ ได้ โดยไม่ต้องมีหมาย และยังขยายฐานความผิดที่ให้อำนาจไว้อย่างกว้างขวาง เช่น การยึดขันน้ำสีแดงเพื่อใช้ในประเพณีงานสงกรานต์ หรือการพยายามออกกฎหมายประชามติที่ถูกวิจารณ์ว่าพยายามปิดกั้นการรณรงค์และการแสดงความเห็นต่อร่างรัฐธรรมนูญที่จะนำมาใช้กำหนดอนาคตประเทศ ล้วนเป็นสิ่งที่ขัดต่อบรรยากาศการร่วมมือกันเพื่อช่วยหาทางออกให้ประเทศทั้งสิ้น
พรรคเพื่อไทยเห็นว่า การใช้อำนาจที่สุดโต่ง หรือการพยายามใช้มาตรการที่บีบคั้นและคุกคามผู้มีความเห็นต่าง ให้อยู่ในบรรยากาศแห่งความหวาดกลัวนั้น ไม่อาจจะนำพาประเทศไปสู่เป้าหมายแห่งความปรองดอง รู้รักสามัคคีและเกิดความสงบเรียบร้อยได้
พรรคเพื่อไทยจึงมีข้อเสนอเรียกร้องดังต่อไปนี้
1.ให้ยุติการกระทำใดๆ รวมทั้งประกาศ/คำสั่ง อันเป็นการคุกคาม ขัดขวาง การใช้สิทธิเสรีภาพของประชาชน และการละเมิดสิทธิมนุษยชน ทุกรูปแบบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งควรพิจารณายกเลิกคำสั่ง คสช.ที่ 13/2559 โดยเร็ว
2.เร่งสร้างบรรยากาศที่เอื้อต่อการปรองดองของคนในชาติอย่างเร่งด่วน โดยการเปิดพื้นที่สิทธิ เสรีภาพให้แก่ผู้มีความเห็นต่าง ตลอดจนคุ้มครองสิทธิ เสรีภาพในการแสดงออกและการแสดงความเห็นทางการเมืองโดยสุจริตของประชาชน สื่อมวลชนและบุคลากรในสถาบันทางวิชาการ โดยไม่ต้องตกอยู่ในบรรยากาศแห่งความหวาดกลัวโดยเร็ว
3.ขอให้คุ้มครองเสรีภาพให้ประชาชน นักวิชาการ สื่อมวลชน และพรรคการเมืองต่างๆ สามารถรณรงค์และแสดงความเห็นเกี่ยวกับการรับ หรือไม่รับร่างรัฐธรรมนูญในการทำประชามติได้อย่างเต็มที่ เสรี และเป็นธรรม เพื่อให้ผลของประชามติที่เกิดขึ้นมีความน่าเชื่อถือและได้รับการยอมรับทั้งจากคนไทยและโลก
พรรคเพื่อไทยเชื่อว่า ข้อเสนอทั้ง 3 ข้อ หากได้รับการยอมรับและมีการดำเนินการให้เกิดขึ้นจะส่งผลดีอย่างยิ่งยวดต่อการร่วมมือกันของคนในชาติ และการร่วมกันนำพาประเทศของเราไปสู่ความรักสามัคคีและมีความเป็นประชาธิปไตยในที่สุด
พรรคเพื่อไทย
8 เมษายน 2559