บทนำ : เหยื่อที่ไร้ปากเสียง

คณะกรรมการธุรกรรม สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ลงมติเมื่อเร็วๆ นี้ว่า นายพุฒิพัฒน์ เลิศเชาวสิทธิ์ อดีตปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ นายณรงค์ คงคา อดีตรองปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และนายธีรพงษ์ ศรีสุคนธ์ อดีตผู้ตรวจราชการ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ มีพฤติการณ์ทุจริตยักยอกเงินช่วยเหลือคนยากไร้ โดยทำเอกสารการเบิกจ่ายเท็จ นำเงินที่ได้จากการทุจริตเบิกจ่าย ส่งผู้บริหาร กรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการในขณะนั้น แล้วแปลงเงินเป็นทรัพย์สินรูปแบบอื่นให้กับบุคคลที่เกี่ยวข้องสัมพันธ์ เช่น ที่ดิน ห้องชุด รถยนต์หรู เงินในบัญชีเงินฝากธนาคาร และหลักทรัพย์ต่างๆ

คณะกรรมการธุรกรรมยังมีมติให้ยึดและอายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดของนายพุฒิพัฒน์ นายณรงค์ และนายธีรพงษ์ และเจ้าหน้าที่ของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ รวมถึงบุคคลที่เกี่ยวข้องสัมพันธ์ 12 ราย เช่น ที่ดิน ห้องชุด รถยนต์หรู เงินในบัญชีเงินฝากธนาคาร และหลักทรัพย์ต่างๆ รวม 41 รายการ มูลค่าประมาณ 88 ล้านบาท ตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ซึ่ง ปปง.จะได้ดำเนินการกล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีอาญา ความผิดฐานฟอกเงินกับผู้ที่เกี่ยวข้องต่อไป ซึ่งนอกจากจะถูกยึดหรืออายัดทรัพย์สินตามกฎหมายฟอกเงินแล้ว หากใครมีพฤติการณ์รับหรือโอนทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการทุจริต อาจต้องถูกดำเนินคดีอาญาฐานฟอกเงิน มีโทษจำคุก 10 ปีต่อการโอนหรือรับโอน 1 ครั้ง

การทุจริตงบประมาณเป็นเรื่องที่ยอมรับไม่ได้อยู่แล้ว การทุจริตงบช่วยเหลือเงินคนยากไร้ที่เกิดในระบบราชการไทย จึงเป็นเรื่องที่หนักหนาเข้าไปอีก รัฐบาลต้องดำเนินการอย่างรวดเร็วและเฉียบขาด รวมถึงกรณีทุจริตในลักษณะใกล้เคียงกัน อาทิ การทุจริตกองทุนเสมาพัฒนาชีวิต เพื่อช่วยเหลือเด็กยากจนในภาคเหนือ ซึ่งมีผู้กระทำผิดได้แก่ ข้าราชการกระทรวงศึกษาฯ และเครือข่าย การทุจริตก่อสร้างอควาเรียม จ.สงขลา ซึ่งเกี่ยวกับการศึกษาของเยาวชนอาชีวะ ฯลฯ เรื่องเหล่านี้ไม่สมควรเกิดขึ้นในยุคที่รัฐบาลประกาศปราบทุจริตอย่างเข้มข้น และมีชุดความคิดที่เชื่อว่าระบบราชการขับเคลื่อนได้ดีกว่านักการเมือง ที่มักทุจริตคนโกง

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image