สถานีคิดเลขที่ 12 : เขย่าโลกเท่าบอลโลก : โดย สุริวงค์ เอื้อปฏิภาน

น่าเสียดายที่บอลโลก 2018 ไม่มีทีมใหญ่และเต็มไปด้วยนักเตะหน้าตาดึงดูดสาวๆ อย่างอิตาลี โดยตกรอบคัดเลือกชนิดที่ไม่มีใครคาดคิด กระทั่งบางคนยังลืมไปเลยว่า ไม่มีขุนพลอัสซูรีร่วมลงสนามที่รัสเซียกับเขาด้วย

ยังเผลอเชียร์ทีมมะกะโรนีอยู่เลย!?!

เช่นเดียวกับเนเธอร์แลนด์ ทีมที่ไม่ควรขาดไปจากเกมเวิลด์คัพ หนนี้ก็ตกรอบไปเสียก่อน ขณะที่แฟนบอลฮอลแลนด์ในบ้านเราก็มีอยู่มากมายทีเดียว เลยเซ็งไปตามๆ กัน

ยก 2 ทีมดังนี้มากล่าวถึง เพื่อให้แฟนๆ หนังสือพิมพ์เครือมติชน-ข่าวสด ซึ่งตอนนี้กำลังตัดคูปองในหน้าหนังสือพิมพ์ มติชน ข่าวสด และประชาชาติธุรกิจ เพื่อเตรียมส่งมาชิงรางวัลใหญ่และมากมาย

Advertisement

ได้ระมัดระวัง อย่าเผลอใส่ชื่อ ทีมอิตาลีหรือฮอลแลนด์ลงไปในคูปอง

เดี๋ยวจะพลาดโอกาสชิงรถปิกอัพและรถเก๋ง มาสด้า รวมไปถึงมอเตอร์ไซค์ฮอนด้า และอีกสารพัดรางวัล

ยังมีทีมฟุตบอลสหรัฐ ซึ่งไม่ได้ไปเยือนดินแดนหมีขาวหนนี้ด้วย แม้ว่าจะไม่ใช่ทีมชั้นนำในสนามเวิลด์คัพ แต่ระยะหลังผ่านเข้ามาเล่นรอบสุดท้ายเสมอๆ

Advertisement

เช่นเดียวกับเกาหลีเหนือ ก็เป็นทีมที่มีสถิติได้เข้าเล่นบอลโลกอยู่เหมือนกัน มาหนนี้ก็ไม่ได้ไป

แต่วันนี้สหรัฐและเกาหลีเหนือ กำลังกระหึ่มไปทั้งโลก โด่งดังกว่าได้ไปเตะเวิลด์คัพเสียอีก

การพบปะกันระหว่าง โดนัลด์ ทรัมป์ กับ คิม จอง อึน เมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา เป็นเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ที่มีแนวโน้มอันดีจะนำไปสู่สันติภาพของคาบสมุทรเกาหลี ซึ่งก็เป็นส่วนหนึ่งของสันติภาพโลกด้วย

ขณะที่สิงคโปร์ซึ่งเปิดบ้านให้เป็นสถานที่ประชุม ถือเป็นพื้นที่สำคัญของเหตุการณ์ประวัติศาสตร์นี้

แน่นอนว่า หากแผนสันติภาพครั้งนี้สำเร็จ อนาคตเกาหลีเหนืออยู่ในสภาพผ่อนคลาย เปิดประเทศเปิดเศรษฐกิจการค้า เมื่อนั้นสิงคโปร์ย่อมได้โอกาสทองไปทันที

นี่ก็เป็นเรื่องเศร้าของประเทศไทย

นักวิเคราะห์การเมืองระดับสากลหลายคนชี้ว่า ถ้าประเทศไทยมีประชาธิปไตยปกติ สถานที่ประชุมสันติภาพโลกหนนี้ ต้องเป็นกรุงเทพฯแน่นอน

ทำให้มีการย้อนพูดถึงผู้นำทางการเมืองไทย ที่มีบุคลิกฉับไวคล่องตัว สายตากว้างไกล และมีสัมพันธ์ใกล้ชิดกับนานาชาติ

ถ้าเป็นนายกฯระดับนั้นรับรองไทยต้องไม่พลาดโอกาสนี้

ยังมีอีกมุมของเหตุการณ์ทรัมป์เจอกับคิม ที่พูดถึงกันไม่น้อย ว่าด้วยการนำเสนอข่าวสารของสำนักข่าวเกาหลีเหนือ

นี่เป็นเหตุการณ์แรก ที่สำนักข่าวของโสมแดงสามารถรายงานข่าวผู้นำตัวเองได้แบบสดๆ และนำเสนอได้ตรงวัน

เพราะที่ผ่านมาข่าวสารเกี่ยวกับผู้นำ จะต้องมีการกลั่นกรองตรวจสอบก่อน ต้องรออีกวันสองวันจึงจะสามารถนำเสนอต่อสาธารณะได้

การเจรจาสันติภาพหนนี้ อาจนำมาสู่จุดเริ่มต้นของเสรีภาพสื่อเกาหลีเหนืออีกด้วย

พูดไปก็ตลก เพราะในบ้านเรา มีกลุ่มคนบ้าคลั่งอคติการเมือง วันๆ ก็เรียกร้องให้ควบคุมสื่อ ทะลึ่งจะให้ปฏิรูปสื่อ

หรือแค่เห็นรูป ทักษิณ-ยิ่งลักษณ์ เดินทางไปไหนมาไหน ทั่วโลกเปิดประตูต้อนรับ ก็ดีดดิ้นจะเป็นจะตาย จะให้จัดการกับสื่อ

ทั้งๆ ที่คือข้อเท็จจริง และประจานปัญหาการเมืองไทยให้เรียนรู้ทบทวนกัน อย่าได้เดินซ้ำรอยผิดๆ อีก

สงสัยในอนาคตอันใกล้ เกาเหลีเหนือน่าจะมีเสรีและก้าวหน้ากว่าคนกลุ่มนี้ในบ้านเราแน่ๆ

สุริวงค์ เอื้อปฏิภาน

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image