3 มิตรเดินสายจีบ-เปิดตัวได้ สองมาตรฐาน-โยนหิน?

หมายเหตุ – ความคิดเห็นของนักวิชาการและฝ่ายการเมือง กรณีการเดินสายพูดคุยกับอดีต ส.ส.ของกลุ่มสามมิตรเพื่อดึงเข้าร่วมงานกับพรรคพลังประชารัฐ พร้อมกับแถลงเปิดตัวที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมระบุทำได้แต่พรรคเพื่อไทยเห็นว่าเป็นการปฏิบัติสองมาตรฐาน เนื่องจากมีการตรวจสอบนายทักษิณ ชินวัตร ที่วิดีโอคอลล์มาถึงนักการเมืองพรรคเพื่อไทย


 

สามารถ แก้วมีชัย
อดีต ส.ส.เชียงราย
ในฐานะคณะทำงานฝ่ายกฎหมาย พรรคเพื่อไทย (พท.)

เห็นได้ชัดเจนว่าผู้มีอำนาจของรัฐที่ต้องเป็นคนกำกับดูแลการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้น มีพฤติกรรมวางตัวไม่เป็นกลางและที่สำคัญคือทำให้วัตถุประสงค์ คสช. อ้างเพื่อยึดอำนาจว่าจะปฏิรูปการเมือง เพราะว่านักการเมืองปัจจุบันมีพฤติกรรมไม่เหมาะสม ใช้เงินซื้อเสียง แสวงหาผลประโยชน์หรืออะไรก็แล้วแต่ แต่วันนี้คนเข้ามาเพื่อจะปฏิรูปการเมืองก่อนการเลือกตั้งกลับไปให้ท้ายบุคคลที่มีวิธีการสวนกับการปฏิรูปการเมือง ทั้งที่รู้ว่า 3 ส.ทำอะไร แต่บอกว่าทำได้ ไม่มีปัญหา ไม่ผิด ถือว่าขัดหลักการจะเข้ามาปฏิรูปการเมืองชัดเจน และยังหมิ่นเหม่จะผิดกฎหมายพรรคการเมือง ให้บุคคลไม่ได้เป็นสมาชิกพรรคไปชี้นำหรือครอบงำพรรคอื่น พฤติกรรมของ 3 ส.ไปชวนคนโน้นคนนี้ให้มาร่วมงานด้วยเห็นได้ชัดเจนว่าสุ่มเสี่ยง ถึงแม้จะอ้างว่ายังไม่ได้มีการตั้งพรรคการเมืองสามารถพูดคุยได้ แต่ประเด็นนี้กฎหมายเขียนว่าคำว่าบุคคลที่ไม่ใช่สมาชิกพรรค หมายถึงใครก็ได้ที่ไปก้าวก่ายงานของพรรคโน้นพรรคนี้ จึงตีความได้ว่าหมิ่นเหม่ต่อกฎหมาย และผู้ใหญ่ที่มีอำนาจซึ่งจะต้องเป็นผู้บริหารจัดการร่วมกับคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ดูแลการเลือกตั้ง กลับมาพูดให้ท้ายถือว่าไม่เหมาะสมและทำให้ข้ออ้างของการรัฐประหารเรื่องการปฏิรูปการเมืองล้มเหลวหมด

Advertisement

 

ผศ.วันวิชิต บุญโปร่ง
อาจารย์คณะรัฐศาสตร์
วิทยาลัยรัฐกิจ มหาวิทยาลัยรังสิต

การที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม กล่าวถึงการเดินสายดูดพรรคการเมืองของกลุ่มสามมิตรไม่ขัดคำสั่ง คสช. และไม่ใช่การหาเสียงนั้น การให้ความเห็นแบบนี้เป็นลักษณะเรียกแขก ในเชิงต้องการให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์อย่างรุนแรง เนื่องจากการกระทำแบบนี้เสมือนกติกูมากกว่ากติกา คนอื่นทำไม่ได้ แต่ตัวเองกับฝั่งพวกเดียวกันสามารถทำได้ พอเกิดการทำแบบนี้แล้วทำให้รู้สึกว่า การวางตัวของเจ้าหน้าที่รัฐ หรือผู้มีอำนาจทางการเมืองวางตัวแบบไม่มีความเป็นกลาง เป็นอย่างนี้ทำให้กลุ่มสามมิตรในอนาคตหากต้องมีการเคลื่อนไหวทางการเมืองหรือการหาเสียงจะหาเสียงได้ด้วยความยากลำบาก เพราะวัฒนธรรมทางการเมืองอย่างหนึ่งอาจจะเป็นปัญหา หรืออาจจะเป็นจุดแข็งก็ได้คือ การเห็นอกเห็นใจผู้ถูกกระทำ หรือคะแนนความน่าสงสารจะไปเพิ่มให้กับฝ่ายตรงข้ามได้

Advertisement

ถามว่ากลุ่มสนับสนุน คสช.จะสามารถทำได้ทุกอย่างไหม คิดว่าขณะนี้เนื่องจากสถานการณ์ของบ้านเมือง ผู้คนลดพื้นที่ความสนใจในเรื่องของการเมืองลง เพราะมีกระแสเรื่องอื่นที่น่าสนใจมากกว่า อาจเป็นประเด็นของผู้ประสบเหตุติดถ้ำทั้ง 13 ชีวิตก็ดี หรือเป็นมหกรรมฟุตบอลโลก สามารถดึงความสนใจของประชาชนอย่างมากในตอนนี้ก็ดี มีส่วนช่วยในการเบี่ยงกระแส ทำให้กลุ่มหรือสถานการณ์การเคลื่อนไหวทางการเมืองไม่ได้รับความสนใจจากประชาชนมากเท่าที่ควร จึงเป็นเหตุทำให้ฝ่ายผู้มีอำนาจทางการเมืองใช้ประโยชน์จากพื้นที่ตรงนี้เคลื่อนไหวทางการเมือง

ส่วนการกระทำเช่นนี้ดูสองมาตรฐานหรือไม่นั้น มองว่าเป็นการทำเพื่อโยนก้อนหินถามทาง ท้ายที่สุด คสช.หรือผู้มีอำนาจทางการเมืองก็จะถูกกระแสวิพากษ์วิจารณ์ นำไปสู่การเปิดพื้นที่ให้เกิดการกระทำหรือการปฏิบัติอย่างเท่าเทียมกัน เพราะเชื่อว่าผู้เคลื่อนไหวทางการเมือง หรือกลุ่มนักการเมืองเองคงจะไม่ยอมให้เกิดบรรยากาศการหาเสียงข้างเดียวแบบนี้แน่นอน และคิดว่าฝ่ายผู้มีอำนาจทางการเมืองที่ทำแบบนี้น่าจะรอดูว่าเสียงตอบรับหรือผลกระทบที่ตามมาจะเป็นอย่างไร หากมีเสียงคัดค้านมาก ท่าทีของผู้มีอำนาจทางการเมืองก็อาจจะเปลี่ยนไป ส่วนจะเป็นการหนุนของ คสช.หรือไม่ มองว่าเป็นลักษณะของตัวบุคคลมากว่า และเป็นเรื่องของตัว พล.อ.ประวิตรไม่น่าจะใช่ในนาม คสช.เป็นหลัก เพราะอย่างที่ทราบกันอยู่ว่า พล.อ.ประวิตรเปรียบเสมือนเป้าล่อกระสุนตกอยู่แล้ว น่าจะเป็นความเห็นที่ไม่ได้เตรียมตัวมาตอบหรือทำการบ้านมาเลยมากกว่า

ท้ายที่สุดน่าจะนำไปสู่กติกา การแข่งขัน การปลดล็อก เพื่อให้สามารถมีการหาเสียงอย่างตรงไปตรงมาดีกว่า หรืออาจจะเพิ่มบทบาทให้คณะกรรมการการเลือกตั้งเข้ามาช่วยในเรื่องของลักษณะการว่าความไม่ให้กลุ่มการเมืองกระทำการใดที่ขัดต่อหลักกฎหมาย การปลดล็อก หรือเวลาในการอนุญาตให้สามารถเคลื่อนไหวทางการเมืองน่าจะมาถึงในอีกเร็วๆ นี้แน่นอน

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image