หาก นายชูวิทย์ พิทักษ์พรพัลลภ เจ้าของพื้นที่เมืองดอกบัวงาม ไม่ออกมาระบุว่า วันที่ 23-24 กรกฎาคม เป็นครม.สัญจร รอบ 2 สำหรับจังหวัดอุบลราชธานี
ผู้คนก็คงลืมไปแล้ว
“ถามว่าประเทศไทยมีกี่จังหวัด มี 77 จังหวัดแล้วครม.สัญจรก็อยากให้ไปทุกจังหวัด ไม่ใช่มาอุบลราชธานีรอบที่ 2 รอบที่ 1 มาแล้วได้อะไรบ้าง
ยังไม่ได้อะไรเลยจะ 4 ปีแล้ว แล้วรอบที่ 2 ก็มาอีก”
ความฉุกละหุกที่ตระเตรียมไว้ว่าจะไปเชียงราย พะเยา นั้นเองทำให้แจ็กพ็อตมาลงที่อุบลราชธานี
ที่คิดว่าไม่น่าเป็นเรื่องก็กลายเป็นเรื่อง
การย้ายจากเชียงราย พะเยา สามารถเข้าใจได้เพราะรู้กันอยู่ว่ากรณี 13 หมูป่า กรณีถ้ำหลวง ยังไม่เรียบร้อย ก็เลยจำเป็นต้องหาสถานที่ใหม่
แล้วยานบินก็มาจอดที่ อุบลราชธานี อำนาจเจริญ
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เองก็อาจจะลืมไปแล้วเพราะไปเมื่อ 3 ปีก่อน
จำเป็นต้องได้ยินเสียงจาก นายชูวิทย์ พิทักษ์พรพัลลภ
แน่นอน หากมองจากทางด้านของ นายสุพล ฟองงาม ที่มีส่วนเข้าไปร่วมพิจารณาโครงการต่างๆที่จะเสนอในที่ประชุมครม. สัญจร รอบ 2 ย่อมไม่ได้ยิน
เพราะย่อมจะยินดีที่อย่างน้อยอุบลราชธานีได้รับความสนใจจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
แม้จะเสี่ยงต่อคำครหาในเรื่องหาเสียง”ล่วงหน้า”ก็ไม่เป็นไร
เพราะทั้ง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ทั้ง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ก็แก้ต่างไว้ให้แล้ว
“ครม.สัญจร” คือ การทำงานของ “รัฐบาล”
อย่าได้แปลกใจหากทุกสายตาจาก 76 จังหวัดจะทอดมองไปยังอุบลราชธานี วันที่ 23-24 กรกฎาคม ว่าจะดำเนินไปอย่างไร
นายสุพล ฟองงาม จะได้เข้าใกล้ชิดหรือไม่ เพียงใด
เป็นความใกล้ชิดขณะที่ นายชูวิทย์ พิทักษ์พรพัลลภ ถูกกันไกลห่าง ขณะที่ นายอิสสระ สมชัย นายศุภชัย ศรีหล้า ถูกกันไกลห่าง
นี่ย่อมเป็นไปตามวิถีของการเมือง
นี่ย่อมเป็นไปตามหลัก “การศึกมิหน่ายเล่ห์”อยู่แล้ว