บทนำมติชน 12 มกราคม 2562 : คดีเมาแล้วขับ

ตัวเลขของผู้ขับขี่เมาสุราในห้วงเวลาปีใหม่ยังน่ากังวลและเป็นการบ้านที่ทุกฝ่ายจะต้องหาทางแก้ปัญหาต่อไป โดยมีข้อมูลจากการแถลงข่าวของนายประสาร มหาลี้ตระกูล อธิบดีกรมคุมประพฤติ และนายแพทย์อัษฎางค์ รวยอาจิณ รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข โดยอธิบดีกรมคุมประพฤติ เผยว่า ในช่วงปีใหม่ มีคดีที่เข้าสู่กระบวนการคุมประพฤติจากสำนักงานคุมประพฤติ 117 แห่งทั่วประเทศ 9,453 คดี แบ่งเป็นขับรถขณะเมาสุรา จำนวน 8,706 คดี หรือร้อยละ 92.1 ขับเสพและอื่นๆ จำนวน 701 คดี คิดเป็นร้อยละ 7.42 ขับรถประมาทตามประมวลกฎหมายอาญา 44 คดี คิดเป็นร้อยละ 0.46 ขับซิ่ง จำนวน 2 คดี ร้อยละ 0.02 เพิ่มขึ้นจากปี 2561 จำนวน 2,776 คดี ร้อยละ 41.58 จังหวัดสถิติสูงสุด 3 อันดับ ได้แก่ กรุงเทพมหานคร 567 คดี จังหวัดมหาสารคาม 565 คดี จังหวัดสกลนคร 544 คดี

นายประสารเผยว่า ส่วนใหญ่ศาลกำหนดเงื่อนไขคุมความประพฤติ 1 ปี รายงานตัวต่อพนักงานคุมประพฤติ 4 ครั้ง ทำงานบริการสังคม 24 ชั่วโมง และเงื่อนไขอื่นๆ เช่น อบรมระเบียบวินัยจราจร ห้ามเกี่ยวข้องกับยาเสพติด ห้ามออกจากบ้านตามช่วงเวลากำหนดโดยใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ (EM) ติดตามตัว เป็นต้น และได้สั่งติดอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ (EM) ในช่วง 7 วันที่ควบคุมเข้มงวด 80 ราย สั่งติด EM กับผู้กระทำผิดเพิ่ม ณ ปัจจุบัน (7 มกราคม 2562) 116 ราย กำหนดเงื่อนไขห้ามออกจากที่อยู่อาศัยช่วงเวลา 22.00-04.00 น. 15 วัน พบว่า มีผู้กระทำผิดคดีขับรถขณะเมาสุราในกรุงเทพฯ ไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไข 1 ราย ขณะนี้สำนักงานคุมประพฤติได้รายงานศาลเพื่อพิจารณามีคำสั่งต่อไป

เป็นอีกมุมของภาพรวมการเมาขับในช่วงเทศกาลและวันหยุดยาว นอกเหนือจากตัวเลขอุบัติเหตุ ซึ่งพบว่าสูงขึ้นเรื่อยๆ อธิบดีกรมคุมประพฤติยังเผยว่า พบผู้กระทำผิดซ้ำ 153 ราย ซึ่งจะคัดกรองและมีมาตรการแก้ไขตามสภาพการดื่มสุราต่อไป จะเห็นว่าการเมาขับ นอกจากสร้างความสูญเสีย เพิ่มภัยบนถนนแล้ว ยังเป็นภาระของรัฐในการควบคุมพฤติกรรม ข้อมูลจากกระทรวงยุติธรรมและสาธารณสุขในครั้งนี้ น่าจะนำไปสู่การระดมทุกฝ่าย เข้ามาคิดค้น วิเคราะห์ข้อมูล เพื่อศึกษาหามาตรการแก้ไขอย่างจริงจัง และเห็นผลในเวลาอันใกล้ เพราะขณะนี้ ไม่เพียงสร้างความสูญเสียในประเทศ แต่ตัวเลขอุบัติเหตุของไทยยังโด่งดัง มีการนำไปเผยแพร่ผ่านสื่อต่างๆ ทั้งออนไลน์ และโซเชียลมีเดีย กลายเป็นภาพด้านลบของประเทศอีกด้วย

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image