ผลการเลือกตั้ง 24 มีนาคม พรรคที่สนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และพรรคที่คัดค้านการสืบทอดอำนาจ มีจำนวน ส.ส.ไล่เลี่ยก้ำกึ่งกัน แม้ว่าพรรคสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ ได้เปรียบที่มี ส.ว. 250 คน รอเทคะแนนให้ในการประชุุมรัฐสภาเพื่อรับรองตัวนายกฯ แต่ในการจัดตั้งรัฐบาล พรรคสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จำเป็นต้องมีเสียงสนับสนุนเกินครึ่งของสภาผู้แทนฯ เพื่อความชอบธรรมตามประเพณีการปกครอง นอกจากนี้ ยังต้องการเสียงเกินครึ่งหรือ 251 ขึ้นไป เพื่อให้มีผลต่อการเลือกประธานสภาผู้แทนฯ ซึ่งจะทำหน้าที่ประธานรัฐสภาด้วย
นอกจากวิธีการนับคะแนน ส.ส.บัญชีรายชื่อโดยคณะกรรมการการเลือกตั้ง และการพิจารณาคำร้องเรียนต่างๆ ซึ่งอาจมีผู้สมัครที่ได้รับเลือกกระทำผิดกฎหมาย ถึงกับต้องเลือกตั้งใหม่ในเดือนเมษายนนี้แล้ว อีกวิธีหนึ่งที่จะช่วยเพิ่มหรือลดคะแนนเสียง ได้แก่ การทาบทามทั้งพรรค หรือดึง ส.ส.เป็นกลุ่มหรือเป็นคน ที่เรียกว่า “งูเห่า” ซึ่งขณะนี้เริ่มติดต่อทาบทามแล้ว การดึงทั้งพรรค หากตกลงด้วยแนวทางนโยบายก็เป็นเรื่องหนึ่ง แต่ส่วนมากจะตกลงด้วยตำแหน่งแล้วอ้างว่าแนวนโยบายตรงกัน ส่วนการดึงตัว ส.ส.เป็นกลุ่มหรือรายคนจากพรรคการเมือง ถือว่าผิดมารยาทและประเพณีทางการเมือง เพราะ ส.ส.แต่ละคนลงสมัครในสังกัดพรรคการเมือง เมื่อได้รับเลือกแล้วหาทางไปสังกัดพรรคอื่น เป็นเรื่องไม่เหมาะสมและถูกมองในทางเสื่อมเสีย
ล่าสุดมีกระแสข่าวว่า จะมี “งูเห่าสีส้ม” หรือว่าที่สมัครของพรรคอนาคตใหม่ ถูกดึงตัวออกจากพรรค ทางพรรคอนาคตใหม่ได้จัดสัมมนาที่ชลบุรี พร้อมกับให้ลงสัตยาบัน 5 ข้อ คือ อาทิ สนับสนุนและผลักดันนายกรัฐมนตรีตามมติของพรรคอนาคตใหม่ ไม่สนับสนุนการสืบทอดอำนาจ สนับสนุนการลบล้างผลพวงรัฐประหาร ผลักดันให้มีการปฏิรูปกองทัพ นอกจากนี้ยังมีอีกหลายพรรคที่เริ่มระแวดระวัง ส.ส.ของตนเอง เพื่อมิให้ถูกดึงตัวไป ปัญหาเหล่านี้เกิดจากบทบัญญัติในรัฐธรรมนูญ กฎหมายลูก ที่ออกแบบไม่ให้มีพรรคได้เสียงเด็ดขาด เปิดทางให้เกิดการโต้แย้งแย่งสิทธิ จนสุดท้ายจะใช้วิธีการนอกระบบเพื่อรักษาอำนาจ ซึ่งประชาชนต้องจับตา ร่วมแสดงท่าทีและความคิดเห็น ไม่ปล่อยให้การเมืองย้อนกลับไปสู่จุดเดิมๆ อีก
