‘ศรีสุวรรณ’จับผิด ‘ปิยบุตร’แจงปม‘ธนาธร’

หมายเหตุ – เมื่อ 23 เม.ย.ที่ผ่านมา นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เข้ายื่นหลักฐานเพิ่มเติมต่อ กกต. กรณีนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ (อนค.) ถือครองหุ้นสื่อ โดยพบหลักฐานใหม่จากการแถลงข่าวของนายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรค อนค. เมื่อ 22 เม.ย.ที่แก้ต่างให้นายธนาธรอาจเข้าข่ายสร้างหลักฐานเท็จ ขณะที่นายปิยบุตรแถลงอีกครั้งในวันเดียวกันอ้างกระแสข่าว กกต.จะแจกใบส้มให้กับนายธนาธร

ศรีสุวรรณ จรรยา
เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย

จ ากคำแถลงของนายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ ภายหลังออกมาแถลงแก้ต่างให้นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ เกี่ยวกับปัญหาของการโอนหุ้นบริษัท วี-ลัคมีเดีย จำกัด โดยก่อนหน้านี้นายธนาธรยืนยันว่า โอนหุ้นให้มารดาคือนางสมพรไปแล้วก่อนสมัครรับเลือกตั้ง และขณะทำนิติกรรมการโอนได้อยู่ กทม. แต่ปรากฏข้อมูลจากสื่อหลายสำนักรายงานตรงกันว่าวันดังกล่าว นายธนาธรลงพื้นที่ช่วยผู้สมัคร ส.ส.พรรคอนาคตใหม่หาเสียงอยู่ที่ จ.บุรีรัมย์

โดยเมื่อวันที่ 22 เมษายนที่ผ่านมา นายปิยบุตรได้ออกมาแถลงว่า ในวันที่ 8 มกราคม 2562 นายธนาธรได้ไปหาเสียงที่ จ.บุรีรัมย์ ในช่วงเช้าและขึ้นเวทีในช่วงบ่าย ก่อนจะขึ้นรถตู้กลับมาจาก จ.บุรีรัมย์ ตั้งแต่ช่วงบ่ายเพื่อมาทำภารกิจในการโอนหุ้น โดยมีหลักฐานเป็นค่าใบเสร็จอีซี่พาส ชัดเจนว่านายธนาธรได้มาถึงกรุงเทพฯประมาณ 4 โมงเย็น โดยข้อมูลในใบเสร็จอีซี่พาสระบุว่าเป็นช่วงเวลาประมาณบ่าย 3 โมง และในวันที่ 8 มกราคม นายธนาธรได้นอนค้างอยู่ที่บ้าน ก่อนที่วันที่ 9 มกราคม นายธนาธรได้เดินทางด้วยเครื่องบินไปทำภารกิจที่ จ.นครศรีธรรมราช ในช่วงเช้า

Advertisement

จากการตรวจสอบข้อมูลในใบเสร็จอีซี่พาสที่พรรคอนาคตใหม่ได้เผยแพร่ต่อสาธารณชนโดยสำนักข่าวแห่งหนึ่งพบว่า เมื่อวันที่ 8 มกราคม มีการใช้บัตรอีซี่พาส ขาเข้าที่ด่านธัญบุรี ช่องทางที่ 14 โดยเวลาที่ผ่านด่านเก็บเงินเวลา 14.57 น. ขณะที่รายชื่อของเจ้าของบัตรอีซี่พาสดังกล่าวนั้นแม้จะถูกปิดเอาไว้แต่ก็ปรากฏว่ามีไม้หันอากาศ และตัวการันต์เป็นส่วนประกอบของชื่อด้วย จึงไม่ใช่บัตรอีซี่พาสของนายธนาธร นอกจากนั้นการเดินทางจาก อ.สตึก จ.บุรีรัมย์ มายังด่านธัญบุรีต้องใช้เวลาประมาณ 5 ชั่วโมง 27 นาที เพราะมีระยะทางประมาณ 402 กิโลเมตร ดังนั้น หากนำเวลา 14.57 น.ที่นายธนาธรได้เดินทางมาถึงด่านธัญบุรีไปหักลบด้วยเวลาเดินทาง 5 ชั่วโมง 27 นาที ก็จะพบว่านายธนาธรนั้นน่าจะออกจาก อ.สตึกประมาณ 09.30 น. ถึงจะเดินทางมาถึงด่านธัญบุรี ในเวลา 14.57 น.ได้ โดยใช้เวลาขับรถประมาณ 73 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

เมื่อนำไปเทียบเคียงกับคำชี้แจงของ นายปิยบุตร ที่ระบุว่า หาเสียงที่ จ.บุรีรัมย์ ช่วงเช้าและขึ้นเวทีในช่วงบ่าย ก่อนที่จะขึ้นรถตู้กลับมาจาก จ.บุรีรัมย์ ตั้งแต่ช่วงบ่ายเพื่อจะมาทำภารกิจในการโอนหุ้นพบว่า ค่อนข้างจะเป็นไปได้ยาก นายธนาธรจะเดินทางออกจากบุรีรัมย์ในช่วงบ่าย และมาถึงด่านธัญบุรี ช่องทางที่ 14 ในช่วงเวลา 14.57 น. ระยะเวลาห่างกันแค่ไม่ถึงสองชั่วโมงและมาถึงที่ด่านทับช้าง ในเวลา 15.14 น.ได้อย่างไร ยกเว้นจะใช้รถแข่ง F1 ซิ่งมาเท่านั้น นอกจากนั้น ในคำแถลงของนายปิยบุตรแทนนายธนาธรนั้น สิ่งที่ไม่พูดถึง คือ หลักฐานการโอนเงินค่าซื้อขายหุ้นเข้าบัญชี คือไม่มีสเตตเมนต์ธนาคาร เนื่องจากหลักฐานอื่นสามารถทำปลอมได้ทั้งหมด นอกจากนั้น การโอนไปมาระหว่างภรรยาของนายธนาธรให้กับนางสมพร และจากนางสมพรไปให้หลานอีก 2 คน ไม่ปรากฏว่ามีเช็คหรือมีหลักฐานตราสาร รวมทั้งสเตตเมนต์ของธนาคารมาแสดงให้ดูให้ครบทั้งหมด

หลักฐานอีกประการที่ไม่นำมาโชว์คือ หลักฐานการเป็นหนี้ที่นายปิยบุตรแถลงว่าเป็นหนี้สูญ 10 ล้านบาทนั้น เป็นหนี้จริงหรือไม่ มีเอกสารทางบัญชี กำไร-ขาดทุนโดยผู้ตรวจสอบบัญชีมารับรองหรือไม่ มีการฟ้องร้องดำเนินคดีตามกฎหมายแล้วหรือไม่ เพื่อให้เป็นหนี้สูญโดยชอบด้วยกฎหมาย ประเด็นที่นายปิยบุตรอ้างว่านางสมพร แม่ของนายธนาธรโอนหุ้นให้ หลาน 2 คน เพราะบริษัทยังมีหนี้อยู่ 10 ล้านบาท ต้องการทวงหนี้ และอยากให้หลาน 2 คนเรียนรู้นั้น เป็นเรื่องที่เลื่อนลอย ไม่ใช่การปฏิบัติทางธุรกิจตามปกติทั่วไป เพราะการทวงหนี้เพียงให้พนักงานบริษัทธรรมดาไปทวง ทำหนังสือเรียกให้ชำระหนี้ หรือให้ทนายความยื่นโนติส
ก็สามารถทำได้ ไม่จำเป็นต้องให้ผู้ถือหุ้นเป็นคนทวง ข้ออ้างของนายปิยบุตรจึงเป็นเรื่องที่ไม่มีเหตุผล หากหลาน 2 คนต้องการเรียนรู้การทวงหนี้ แค่ทำหนังสือมอบอำนาจจากบริษัทรับงานทวงหนี้ไปจัดการได้

Advertisement

นายปิยบุตรอ้างว่า เมื่อโอนหุ้นให้หลาน 2 คนแล้ว ไปทวงหนี้พบว่าหนี้เป็นเอ็นพีแอล ไม่สามารถชำระหนี้ได้ หลานจึงโอนหุ้นกลับให้นางสมพรเพื่อปิดบริษัท เป็นเรื่องที่ไม่มีเหตุผลทางธุรกิจอีกเช่นกัน เพราะบรรดาผู้ถือหุ้นที่เหลืออยู่ก็สามารถปิดบริษัทเองได้ และจะสะดวกกว่าเพราะแม่ของธนาธรอายุมากแล้ว และประเด็นทางกฎหมายข้างต้น คือ การจะแทงหนี้สูญ หากเป็นหนี้ก้อนโตจะจำหน่ายหนี้สูญให้ถูกกฎหมายและมาตรฐานทางบัญชี จะต้องฟ้องดำเนินคดีตามมาตรา 65 ทวิ (9) แห่งประมวลรัษฎากร ประกอบกฎกระทรวงฉบับที่ 186 (พ.ศ.2534) ไม่ใช่ลูกหนี้ผิดชำระหนี้ ก็จำหน่ายเป็นหนี้สูญได้ เพราะจะมีปัญหากับสรรพากรหรืออาจเข้าข่ายความผิดทางอาญาฐานฟอกเงินได้

ปิยบุตร แสงกนกกุล
เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ (อนค.)

กรณีคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) อาจมีมติแจกใบส้มให้นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ (อนค.) จากการโอนหุ้น บริษัท วี-ลัค มีเดีย จำกัดนั้น กระบวนการตรวจสอบกรณีของนายธนาธรตอนนี้แบ่งเป็น 3 ช่อง คือ 1.การตรวจสอบคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของผู้สมัคร ส.ส. ซึ่งจะทำตั้งแต่วันสมัคร ถึงวันที่ 23 มีนาคม หากพบปัญหา กกต.จะส่งเรื่องให้ศาลฎีกาพิจารณา

2.กรณีผ่านการเลือกตั้งไปแล้ว ตั้งแต่วันที่ 24 มีนาคม จนถึงก่อนประกาศผลการเลือกตั้ง ที่มีกำหนดว่าจะเป็นวันที่ 9 พฤษภาคม ก็จะมีการตรวจสอบการทุจริตเลือกตั้งที่จะนำไปสู่การแจกใบเหลือง ใบแดง ใบส้มเป็นอำนาจ กกต.วินิจฉัย ส่วนการขัดคุณสมบัติและลักษณะต้องตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. มาตรา 53 ระบุว่า ใช้สำหรับ ส.ส.แบบแบ่งเขตเลือกตั้งเท่านั้น และ 3.หากประกาศผลการเลือกตั้งแล้ว ถ้าพบ ส.ส.ที่รับรองไปแล้วขัดคุณสมบัติหรือลักษณะต้องห้ามอีก ก็ต้องไปร้องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย

กระบวนการที่ตรวจสอบกันอยู่นี้ถือว่าหมดเวลาไปแล้ว นายธนาธรเป็นผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่ออันดับ 1 การตรวจสอบและการจะร้องเรียนจะทำตามข้อสองไม่ได้ เพราะใช้สำหรับ ส.ส.เขต หากจะไปรอส่งศาลรัฐธรรมนูญ ตอนนี้ก็ยังไม่ได้รับรอง ส.ส. จึงพยายามจะใช้ช่องแจกใบส้ม คือ ช่องการทำให้การเลือกตั้งไม่สุจริตและเที่ยงธรรมหรือไม่ กกต.มีอำนาจแจกใบเหลืองที่จะต้องมีการเลือกตั้งใหม่ ใบแดง คือ เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง และใบส้มตาม มาตรา 132 ของ พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. กำหนดว่า ถ้า กกต.ไต่สวนแล้วมีหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่า การเลือกตั้งไม่สุจริตหรือเที่ยงธรรม ให้ กกต.สั่งระงับสิทธิรับสมัครเลือกตั้งชั่วคราวไม่เกิน 1 ปี

ถามว่าคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามเกี่ยวข้องกับการเลือกตั้งที่ไม่สุจริตและเที่ยงธรรมหรือไม่ มันคงละเรื่องเลย ถ้าจะตรวจสอบคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามในฐานะผู้สมัคร ส.ส.ก็เลยมาแล้ว ถ้าจะตรวจสอบเรื่องนี้ต่อก็ต้องรอรับรองผลให้เป็น ส.ส.ก่อน แล้วจึงส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณา จึงพยายามใช้ช่องใบส้ม หากมีการใช้ช่องทางการแจกใบส้ม ขอยืนยันว่า เป็นการใช้กฎหมายคนละช่องคนละประตู จึงไม่มีที่ให้ใช้แจกใบส้มล้านเปอร์เซ็นต์ เพราะเป็นเรื่องการเลือกตั้งไม่สุจริต ไม่ใช่คุณสมบัติและลักษณะต้องห้าม ส.ส.

ผมยืนยันว่าเป็นคนละเรื่องผิดฝาผิดตัว และหากจะใช้เรื่องนี้ต้องให้นายธนาธรชี้แจง ดังนั้น จึงพิจารณาว่า กกต.ไม่อาจแจกใบส้มได้วันนี้ เต็มที่คือแจ้งข้อกล่าวหาก่อน แล้วต้องให้นายธนาธรชี้แจงข้อกล่าวหา เพราะกระทบต่อสิทธิและเสรีภาพต่อคนอื่น ซึ่งพรรค อนค.พร้อมชี้แจงทั้งกฎหมายและข้อเท็จจริง

สำหรับความคืบหน้าการตรวจสอบกรณีของนายธนาธรที่ กกต.นั้น อยู่ในชั้นของคณะกรรมการช่วยตรวจสอบสำนวน เพื่อทำความเห็นส่ง กกต.โดยการตรวจมูลกรณีมีกรอบเวลาตรวจ 7 วัน ถ้าไม่มีมูลก็ยุติเรื่อง ถ้าเห็นควรสืบสำนวนหรือไต่สวนก็ดำเนินการต่อ แต่ในกรณีของนายธนาธรกำลังอยู่ในขั้นไต่สวน มีระยะเวลา 20 วัน ขยายเวลาได้ครั้งละ 15 วัน ไม่เกิน 2 ครั้ง คณะกรรมการช่วยตรวจสอบมีอำนาจในการเรียกคนไปชี้แจงได้ แต่ไม่เรียกนายธนาธร หรือ พรรคอนาคตใหม่ ไปชี้แจงเลย จึงให้ทีมไปยื่นเอกสารเมื่อวันที่ 22 เมษายน หวังว่าจะถูกนำเข้าไปอยู่ในสำนวนแล้ว จากนั้นหลังไต่สวนก็จะสรุปว่า แจ้งข้อกล่าวหาต่อนายธนาธรหรือไม่ หากวันนี้มีการแจ้งข้อกล่าวหาต่อนายธนาธรตามกระแสข่าวจริง ตามกฎหมายบังคับว่าต้องให้นายธนาธรมาชี้แจงแสดงพยานหลักฐานต่อไป

ผมเห็นใจ กกต.ที่ต้องทำหน้าที่ตามระบบเลือกตั้งใหม่ ขอให้ยืนอยู่กับหลักให้มั่น กกต.ต้องอยู่ต่อไปอีกนาน เพื่อจัดการเลือกตั้งให้สุจริตและยุติธรรม คสช.กำลังจะพ้นอำนาจ หาก กกต.ยังยืนยันดึงดันจะแจกใบส้มให้ได้วันนี้ โดยไม่ให้นายธนาธรเข้าไปชี้แจง ผมกังวลว่าสังคมไทยจะคิดว่า นี่เป็นการใช้อำนาจโดยมิชอบหรือไม่ อาจมีปัญหาตามมา ในเมื่อข้อกฎหมายข้อเท็จจริงไม่เข้าข่ายการแจกใบส้ม ก็ต้องบอกว่าไม่ใช่ ดังนั้น ความสุจริตจะเป็นเกราะกำบังให้ตัวท่านเอง ส่วนสื่อมวลชนบางสำนักที่ยังไม่ยอมรับว่าเข้าใจผิด แม้จะมีการแถลงตามข้อกฎหมายและข้อเท็จจริงอย่างชัดเจนแล้ว การทำงานแบบนี้น่าจะเกินกว่าเหตุ หากสื่อสำนักไหนยังคาใจ ผมพร้อมดีเบต ทั้งนี้ผมนิยมชมชอบสื่อที่ยกตัวเองเป็นข่าวเจาะ แต่ข่าวเจาะที่ว่าอย่าเจาะโดยมีธงในใจเหมือนมีทิฐิมานะ จะน็อกให้ได้

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image